ย้อนกลับไป 28 ปีที่แล้ว.. ประเทศไทยยังไม่มีธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ไฮเปอร์มาร์ท อย่างโลตัส หรือ บิ๊กซี ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง ต้องอาศัยคนใจกล้า มาบุกเบิกตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงมากมายในช่วงเวลานั้น โดยกลุ่ม CP ริเริ่ม เปิดโลตัส ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ Lotus Supercenter ที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ และขยายตัวเรื่อยมา กระทั่งวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อตอนปี 2540 ทำให้ธุรกิจจำนวนมากอยู่ไม่รอด หลายรายต้องเลิกกิจการ ในขณะที่อีกหลายรายก็ต้องขายกิจการให้กับเจ้าใหญ่ไป เสมือนกับการเสียเอกราชด้านไฮเปอร์มาร์ทไปให้กับธุรกิจในต่างประเทศ อาทิ เซ็นทรัลที่ขายหุ้นใน Carrefour คืนให้บริษัทแม่จากฝรั่งเศส และ CP ก็ขาย Lotus ให้กับ Tesco จากอังกฤษ จนกลายมาเป็น Tesco Lotus เท่ากับว่า วิกฤตในครั้งนั้น ทำให้เหลือผู้เล่นใหญ่ในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต 3 ราย คือ Big C, Carrefour และ Tesco Lotus โดยมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ โดยในช่วงเวลานั้น Casino Group จากฝรั่งเศสเข้ามาเพิ่มทุนใน Big C ของเซ็นทรัล จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Big C กลับมาสู่ธุรกิจไฮเปอร์มาร์ทในยุคปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ 27 ปีของตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต กลับมาสู่มือคนไทยเป็นเจ้าของอีกครั้ง โดยเทสโก โลตัส กำลังจะกลับมาอยู่ในมือคนไทย โดยกลุ่มซีพี ได้ประสบความสำเร็จในการซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทย แต่การแข่งขันในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปใช้บริการออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจค้าปลีก ต้องปรับตัวกันอย่างหนัก ทำให้ตลาดการแข่งขันในวันนี้ต้องนับรวมผู้เล่นในตลาดออนไลน์มาแข่งขันด้วย การส่งถึงบ้าน การขยายร้านไปทุกมุมถนนของร้านอาหารเช่น Mcdonald, Starbuck, Burgerking ล้วนเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ทำให้การแข่งขันในตลาดไฮเปอร์มาร์ทในยุคปัจจุบัน ต้องพลิกตำรากันอย่างมาก และถือเป็นแพลตฟอร์มการค้าหลัก ในการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย เถ้าแก่เล็ก กลาง ใหญ่ ได้ใช้ช่องทางไฮเปอร์มาร์ท ในการเปิดตลาด สู้กับผู้เล่นจากต่างประเทศ ที่ขยายช่องทางเข้ามาสู่ตลาดเมืองไทยเป็นอย่างมาก ไฮเปอร์มาร์ท ต้องปรับตัวอย่างหนัก รวมถึงยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของอังกฤษอย่างเทสโก้ รายงานผลประกอบการประจำปีสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 1919 ผลการดำเนินการก่อนหักภาษีขาดทุนถึง 6.4 พันล้านปอนด์ หรือ 3.1 แสนล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่กำไรก่อนหักภาษีที่ 2.26 พันล้านปอนด์ และก่อนหน้านั้นบริษัทได้ทยอยขายกิจการในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ ตุรกี ญี่ปุ่น จีน รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา โดยที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงกดดันจากคู่แข่งค้าปลีกในทวีปยุโรป หนี้บริษัทที่มีมหาศาล ทำให้การกลับมาสู่มือคนไทยนั้น ต้องใช้มืออาชีพในการบริหาร และ เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการในการเป็นช่องทางค้าปลีก คาดการณ์โลตัส กับ ตลาดไฮเปอร์มาร์ทในประเทศไทย อาจมองได้ว่าได้ว่า เทสโก้ โลตัส เติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย พร้อมกับการให้ความสำคัญในการสร้างประโยชน์และใส่ใจดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพนักงาน ลูกค้า ชุมชน คู่ค้า และสิ่งแวดล้อม ความใส่ใจเหล่านี้อยู่ในวัฒนธรรมองค์กรของชาวเทสโก้ โลตัส อยู่แล้ว นอกจากนี้กลุ่มซีพี ยังมีประสบการณ์ในการบริหารโลตัสในประเทศจีน ทำให้ผสมผสานประสบการณ์ที่สั่งสมมาช่วงโลตัสอยู่ในมือของเทสโก้ ทำให้รูปแบบบริหารเป็นการต่อยอด ที่ทำให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มได้ประโยชน์ นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มซีพี ได้ผลักดันเรื่องของความยั่งยืนอย่างหนัก ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของโลตัส เทสโก้ โลตัส ซึ่งที่ผ่านมามีการยกระดับการทำงานในด้านความยั่งยืน จากเดิมที่ขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมองค์กร ไปสู่ระดับนโยบายที่ถูกผนวกเข้ากับแผนการดำเนินงานทางธุรกิจและไม่สามารถแยกออกจากกันได้ อาทิ นโยบายการจัดหาสินค้ามาและขายไปอย่างยั่งยืน ซึ่งลูกค้าของโลตัสจะต้องสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูง มาจากแหล่งที่ยั่งยืน ดีต่อสุขภาพ และมีราคาที่เอื้อมถึงได้ ฉะนั้นที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับนโยบายการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (sustainable sourcing) ที่คำนึงถึงจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ สิทธิมนุษยชน สวัสดิภาพสัตว์ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น สำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร นอกจากจะต้องมีคุณภาพสูง ทำจากวัตถุดิบที่ดี มีรสชาติอร่อย มีราคาที่เอื้อมถึงได้แล้ว จะต้องดีต่อสุขภาพอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของกลุ่มซีพี ที่เดินหน้าเรื่องอาหารปลอดภัย นโยบายด้านความยั่งยืนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลเพื่อนพนักงานของโลตัสทุกคน ในฐานะองค์กรที่มีการจ้างงานพนักงานเกือบ 50,000 ตำแหน่ง ที่ผ่านมา โลตัส ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้พนักงานได้ก้าวสู่จุดหมายของชีวิต ซึ่งรวมทั้งโอกาสในความก้าวหน้าทางอาชีพ การพัฒนาทักษะและศักยภาพของพนักงาน นอกเหนือจากค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ปัจจุบันพนักงานในสาขา 80-90% เป็นคนในท้องถิ่น นอกจากพนักงานประจำแล้ว เรายังมีนโยบายจ้างงานพื่อสนับสนุนโครงสร้างสังคมไทย อาทิ การจ้างงานผู้เกษียณอายุในโครงการ 60 ยังแจ๋ว การจ้างงานนักเรียนนักศึกษา เป็นต้น” “ในด้านชุมชน ถือเป็นสิ่งที่จะขับเคลื่อนต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ผ่านมา โลตัสเน้นการมอบอาหารคุณภาพสูงให้ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งรวมทั้ง ‘โครงการอาหารดีพี่ให้น้อง’ ที่มอบอาหารกลางวันเปี่ยมคุณค่าโภชนาการให้เด็กนักเรียน 77 โรงเรียน ใน 77 จังหวัด และบริจาคอาหารที่ยังทานได้แต่จำหน่ายไม่หมดจากไฮเปอร์มาร์เก็ตในกรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ อีกด้วย” ดังนั้น ทิศทางในอนาคตจะเป็นการขยายผลเรื่องชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง ในด้านสิ่งแวดล้อม เป็นนโยบายที่จะได้รับการสานต่อและพัฒนาอย่างเป็นเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะปัญหาขยะเป็นปัญหาที่เร่งด่วน จะเห็นได้ว่า ระยะเวลาที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้มุ่งลดขยะพลาสติกและเป็นผู้นำด้านการลดขยะอาหาร และได้เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการลดใช้ถุงพลาสติกมาโดยตลอด เช่น งดใช้ถุงพลาสติกเมื่อลูกค้าซื้อสินค้า 1-2 ชิ้น ในร้านค้าขนาดเล็กทั้ง 1,800 แห่งทั่วประเทศ และภายในสิ้นปี 2562 เราจะเลิกใช้หลอดพลาสติกทั้งหมด นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ได้เลิกใช้ถาดโฟมทั้งหมดในธุรกิจตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว จะได้มีการนำมาขับเคลื่อน อาทิเช่น 1.การจัดหาผลิตภัณฑ์ผักใบพื้นบ้านทั้งหมด 100% จะมาจากการซื้อตรงจากเกษตรกร และ 2. ด้านสุขภาพ สินค้าประเภทอาหารที่พัฒนาขึ้นมาร่วมกับผู้ประกอบการรายย่อยใหม่ทั้งหมดจะต้องดีขึ้นต่อสุขภาพผู้บริโภค 3. เรื่องบรรจุภัณฑ์ จะต้องทำมาจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ และ 4. ลดการทิ้งอาหารภายในธุรกิจของโลตัสลงให้ได้ครึ่งหนึ่ง เป็นต้น