กรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมจัดรายการ ก้าวหน้า Talk กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดยมีผู้ชมถามถึงเรื่องการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาอาชีวะ ทั้งกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ที่ชุมนุมปกป้องสถาบัน และกลุ่ม "สามพระจอมจะยอมได้ไง" เครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าฯ 3 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หรือ มจพ.ร่วมกับกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน และกลุ่มอาชีวะโค่นเผด็จการ ที่เรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา และยกเลิกกฎหมายที่คุกคามเสรีภาพประชาชน เมื่อวันที่ 1 ส.ค.63 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ออกมาเตือนสติ นายธนาธร กรณีออกมาบอกว่า อย่าให้ใครมาอ้างชื่ออาชีวะไปจัดตั้งก่อม็อบชนม็อบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวความคิดที่วิบัติของ นายธนาธร ที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้งไม่เคยฟังเสียงคนอื่นเลย ทั้งยังเอาแต่เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรักฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตลอดจนคณะรัฐบาลฟังเสียงประชาชนและม็อบของตัวเอง ทั้งที่ยังมีคนอีกจำนวนมากสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เช่น การเคลื่อนไหวของม็อบอาชีวะนักศึกษา นายธนาธร กลับออกมาพูดว่าอย่าให้ใครอ้างชื่อก่อม็อบชนม็อบ ทั้งที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติกำหนดไว้ชัดเจนในเรื่องสิทธิและเสรีภาพการแสดงออก ฉะนั้นทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงออกแต่ทำไม นายธนาธร จึงมาออกความคิดเห็นแนวนี้ การที่ นายธนาธร ได้แสดงความเห็นว่า คนอาชีวะเป็นกำลังหลักในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ในยุค 14 ตุลา 2516 กลุ่มคนที่นอนขวางรถถัง ก็เป็นเด็กอาชีวะ กลุ่มคนที่เข้าไปถอดสลัก รื้อฟันเฟืองรถถังจนวิ่งไม่ได้ก็อาชีวะ เพราะเด็กมหาวิทยาลัยสายสามัญทำไม่เป็น ตนไม่เข้าใจว่า นายธนาธร หวังผลอะไรหรือมีนัยยะอะไรแอบแฝงหรือไม่ คิดว่าประชาชนทั่วไปน่าจะมองเห็นเจตนาที่แท้จริงของ นายธนาธร ทั้งนี้ เหตุที่กลุ่มอาชีวะออกมาเรียกร้องเพราะเขาอยากจะพูดให้สังคมได้เห็นว่า เขาไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของ นายธนาธร ซึ่งการที่ออกมาอ้างว่าวันที่ 14 ตุลาคน 2516 กับปัจจุบันวันนี้ 1 สิงหาคม 2563 คนละเหตุการณ์กัน รัฐบาลนี้นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ มาจากการเลือกตั้งที่ถูกต้องจากสนามแข่งขันเดียวกับ นายธนาธร ซึ่งรัฐธรรมนูญก็ผ่านการลงมติจากประชาชนทั้งประเทศ ฉะนั้นแล้วการที่ นายธนาธร พยายามหยิบโยงนั้นตนไม่เข้าใจ แต่เข้าใจและเห็นชัดเจนว่า นายธนาธร ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกมาชี้นำใครทางการเมือง เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาเป็นเด็ดขาดให้ตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายธนาธร เป็นเวลา 10 ปี ที่ผ่านมาเราจะเห็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือนักการเมืองในอดีตที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองแล้วไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ทำทีมฟุตบอล สอนหนังสือ และธุรกิจส่วนตัว ไม่มีใครมาชี้นำปลุกม็อบแบบ นายธนาธร วันนี้ตนขอวิงวอนให้ นายธนาธร มีสามัญสำนึกต่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เหนือสิ่งอื่นใดคือจิตวำนึกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย นายสามารถ กล่าวต่อว่า เดือน ส.ค.เป็นเดือนที่สำคัญต่อประชาชนชาวไทยอยากให้ นายธนาธร ตั้งสติและลดความเห็นแก่ตัวลง แล้วหันมองผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ตนคิดว่าถ้าวันนี้ นายธนาธร เลิกมีทิฐิและเสียสละ ประเทศไทยคงเป็นชาติมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ขอยกคำพูดของ ท่านพุทธทาสภิกขุ เตือนสติ นายธนาธร ว่า "การเห็นแก่ตัวจัดเป็นกิเลสตัวแรก ที่จะต้องล้างให้ได้ก่อนตัวอื่นๆ" อยากให้คนอื่นฟัง ต้องหัดเคารพและฟังคนอื่นด้วย นาย สามารถ กล่าวทิ้งท้าย