วันนี้(30 มกราคม 2563) เวลา 13.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยได้สำรวจกำลังการผลิต กรรมวิธีผลิต ทั้งนี้เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน โดยกล่าวว่า วันนี้มาดูการผลิตหน้ากากอนามัยซึ่งขณะนี้ทราบดีว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พี่น้องถ้าชนชาวไทยทั่วประเทศต้องใช้ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งเป็นที่ทราบดีกันอยู่แล้วและถัดจากการมาดูการผลิตวันนี้แล้ว ก็จะไปตรวจไปเยี่ยมดูการจำหน่ายหรือการขายปลีกอีกครั้งหนึ่งสำหรับการมาดูโรงงานการผลิตหน้ากากอนามัยในวันนี้ขอเรียนให้ทราบว่าประเทศไทยโดยรวมสำหรับการผลิตหน้ากากอนามัยนั้นมีความต้องการใช้ในประเทศเดือนละ 30 ล้านชิ้น โดยประมาณ
โดยศักยภาพการผลิตทั้งระบบมีอยู่ประมาณ 10 โรงงานใหญ่ มีกำลังการผลิตรวมถึงเดือนละประมาณ 100 ล้านชิ้น ซึ่งจะเห็นว่ากำลังการผลิตของเรายังเหลืออยู่อย่างไรก็ตามก็มีการประเมินโดยกรมการค้าภายในว่าการใช้ปกติเดือนละ 30 ล้านชิ้นในประเทศ และถัดจากนี้ไปถ้าสถานการณ์ไวรัสโคโรน่ายังไม่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความต้องการใช้ก็อาจจะเพิ่มจาก 30 ล้านชิ้นเป็น 40 ล้านชิ้นต่อเดือน
สำหรับในประเทศอย่างไรก็ตามเท่าที่กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินเรื่องเบื้องต้นยังเชื่อมั่นว่ากำลังการผลิตและการผลิตรวมในประเทศอย่างเพียงพอสำหรับการที่จะใช้สนองต่อความต้องการของตลาดในประเทศให้เพียงพออยู่และสต๊อกปัจจุบันที่มีอยู่นั้นประมาณ 200 ล้านชิ้นก็สามารถที่จะใช้ในการสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ 4-5 เดือนถ้าไม่มีการผลิตเพิ่ม
" ไม่อยากให้ตื่นตระหนกและไม่ควรซื้อเพิ่มมาเก็บไว้ใช้กลัวว่าจะขาดตลาดเพราะถ้าทุกท่านยิ่งตื่นตระหนก ซื้อมาเก็บไว้ก็จะยิ่งทำให้ของขาดตลาด ทางกระทรวงพาณิชย์ให้ความมั่นใจว่าจะสามารถจัดผู้ผลิตให้ผลิตทันความต้องการใช้โดยต่อเนื่องและไม่ขาดตอนนี่คือสิ่งที่อยากจะสื่อสารกับพี่น้องประชาชนว่าถ้าซื้อไปใช้ได้ในอัตราปกติ"นายจุรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบดู 2 เรื่องคือ1.เรื่องปริมาณอย่าให้ขาดแคลน 2.ดูเรื่องราคาไม่ให้มีการโก่งราคาขายเกินราคาที่เป็นธรรม
สำหรับดูเรื่องปริมาณและราคานั้นผมก็ให้ท่านปลัดกระทรวงพาณิชย์สั่งการไปยังพาณิชย์จังหวัด ซึ่งสั่งไปหลายวันแล้วให้ไปตรวจตลาด อย่าให้เกิดปัญหาเรื่องการขาดแคลนหรือการโก่งราคา ถ้าพบที่ไหนให้รายงานมาที่ท่านปลัดโดยเร็วที่สุดเพื่อจะได้แก้ปัญหาต่อไป และเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ทางกรมการค้าภายในเชิญผู้ผลิตทั้งหมดที่มีประมาณ 10 ราย มาพูดคุยกันเรียบร้อยแล้วว่าขอให้วางแผนในการผลิตหน้ากากอนามัยให้เพียงพอต่อการใช้ในประเทศ หากติดขัดให้แจ้งกรมการค้าภายในเพื่อป้องกันการขาดตลาด สำหรับผู้บริโภคหรือผู้ใช้ทางใดที่พบว่ามีการโก่งราคาขาย ขอให้แจ้งที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือแจ้งสายด่วนของกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายในได้ที่หมายเลข 1569
นอกจากนั้นนายจุรินทร์ยังกล่าวว่าขณะนี้ยังเป็นภาวะปกติในสัดส่วนของการใช้ภายในประเทศและสัดส่วนการส่งออกของโรงงาน ยังไม่มีการสกัดกั้นการส่งออกเพราะโดยปกติทางโรงงานในประเทศไทยก็มีทั้งสองสัดส่วนอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องของมนุษยธรรมอีกด้วย