การประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาบุคลากรตามแนวทางอีอีซีโมเดล ครั้งที่ 1/ 2562 โดยมี นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธาน ได้พิจารณา และรับทราบความคืบหน้าขั้นตอนการดำเนินงานการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ในระยะเวลา 2 ปีแนวทางการสนับสนุนบัณฑิตอาสาเพื่อพัฒนาชุมชนในพื้นที่ อีอีซี การสอนภาษาอังกฤษเชิงเทคนิคด้วยระบบ CLIL เพื่อสร้างอาชีวะอินเตอร์ และการพัฒนาบุคลากรในหลักสูตรระยะสั้น ให้รู้เท่าทันและเชี่ยวชาญเทคโนโลยี โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้ 1.ความคืบหน้าในการพัฒนาบุคลากรใน อีอีซี ในระยะเวลา 2 ปี ตามหลักการ Demand Driven ​สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ดำเนินการวิเคราะห์และสรุปความต้องการกำลังคนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และโครงการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอีอีซี โดยคณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC-HDC) พบว่าในช่วง 5 ปี (2562-2566) มีความต้องการแรงงานทักษะสำคัญ จำนวน 475,793 อัตรา อุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีความต้องการมากที่สุด ได้แก่ ดิจิทัล ร้อยละ 24 จำนวน 116,222 ตำแหน่ง โลจิสติกส์ร้อยละ 23 จำนวน 109,910 ตำแหน่ง และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ร้อยละ 12 จำนวน 58,228 ตำแหน่ง โดยที่สำคัญและเป็นครั้งแรกในการร่วมบูรณาการ การทำงานร่วมกันถึง 3กระทรวงได้แก่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างใกล้ชิดและเป็นรูปธรรม ตามนโยบาย Demand Driven เน้นการพัฒนาบุคลากรและการศึกษายุคใหม่ทั้งกลุ่มการศึกษาพื้นฐานที่ปรับปรุงทักษะด้านภาษาและการศึกษาด้าน​Coding,กลุ่ม STEM ขณะที่ระดับอาชีวะและอุดมศึกษาปรับสู่ Demand Driven Education ที่มีการจัดการศึกษาในแบบ EEC Model Type A ภายใต้ 3 หลักการคือ 1.ลดการศึกษาแบบแก่งแย่ง แตกแยกสู่ความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการ โดยกำหนดตามความถนัดของแต่ละราย 2.ช่วยพัฒนาการศึกษาและบุคลากรให้มีมาตรฐานตามหลักสากล 3.ร่วมทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายระหว่างภาครัฐกับเอกชนในสัดส่วน 50:50 และเอกชนบริจาคอุปกรณ์ชั้นสูง เพื่อให้สามารถผลิตบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรม นอกจากนี้นโยบาย Demand Driven ยังช่วยลดภาระของทุกฝ่าย เช่น ภาคเอกชน ได้ลดค่าใช้จ่าย ในการลดหย่อนภาษีถึง 2.5 เท่า ภาครัฐบาลจ่ายเงินอุดหนุนน้อยลง เพราะไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ใหม่ ส่วนผู้เรียน ลดภาระทางการเงิน เรียนจบมีงานที่มีรายได้ดี นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถกำหนดทิศทางและวางแผนชีวิตในอนาคตได้อย่างชัดเจนอีกด้วย โดยปัจจุบัน มีสถาบันเข้าร่วมล่าสุด คือ สถาบันอาชีวะในภาคตะวันออกเข้าร่วมจำนวน 12 แห่ง และปีการศึกษา 2562 มีผู้เข้าเรียนในระบบดังกล่าวจำนวน 1,117 คน ทั้งนี้ EEC-HDC ตั้งเป้าหมายว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี ต้องปฏิรูปหลักสูตรของสถานศึกษาในพื้นที่อีอีซีอย่างน้อยร้อยละ 80 ให้เป็นไปตามหลักสูตรตามแนวทางอีอีซีโมเดล ที่ผ่านมามีการพัฒนาหลักสูตรระดับปริญญาตรีแล้ว 1 หลักสูตร ได้แก่ วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์ และอยู่ในระหว่างการดำเนินการอีก 1 หลักสูตร ได้แก่ วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ขณะที่ภายในปีการศึกษา 2564 จะมีหลักสูตรระดับปริญญาตรีที่กำลังปรับปรุงให้เป็นไปตาม EEC Model Type อีกไม่น้อยกว่า 100 หลักสูตร 2.แนวทางการสนับสนุนบัณฑิตอาสาเพื่อพัฒนาชุมชนในพื้นที่อีอีซี​ เพื่อกระจายโอกาสสู่ชุมชนและลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่อีอีซี จึงได้เปิดรับสมัครคัดเลือกบัณฑิตระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาไม่เกิน 3 ปีจำนวน 120 คน เพื่อเข้าฝึกอบรม 2 เดือน จากนั้นเข้าทำงานใน 30 อำเภอ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยทำงานร่วมกับอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงกลไกต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ซึ่งบัณฑิตอาสารุ่นแรกคาดว่าจะมีประมาณ 30 คนจาก 3 จังหวัดใน อีอีซี เริ่มภายในเดือนมกราคม 2563 3.การสอนภาษาอังกฤษเชิงเทคนิคด้วยระบบ CLIL เพื่อสร้างอาชีวะอินเตอร์ การดำเนินการในระยะแรก (ตุลาคม 2562-มีนาคม 2563) ได้พัฒนาการสอนภาษาอังกฤษในสถาบันอาชีวศึกษาใน 10 สาขาวิชา ครอบคลุมสถาบันอาชีวศึกษาของรัฐ 37 แห่ง ในภาคตะวันออก มีครูเข้าร่วมอบรม 400 คน เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้เรียนให้ทัดเทียมสากล สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษในวิชาชีพของตนเองได้อย่างมั่นใจ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มในการทำงานที่มีรายได้สูงในอนาคต โดยใช้วิธีการ Content-Language Integrated Learning (CLIL) เทคนิคการเรียนรู้แบบบูรณาการภาษาอังกฤษให้เข้ากับเนื้อหาวิชาชีพในทุกวิชา ซึ่งถอดบทเรียนจากวิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซี ที่นำเทคนิคนี้ไปใช้แล้วประสบความสำเร็จ ด้วยการสร้างความเข้าใจและปรับความคิดผู้บริหารให้เห็นถึงความจำเป็นของ CLIL การพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษของครูช่าง และปรับสภาพแวดล้อมด้านภาษาอังกฤษในสถานศึกษา สำหรับในระยะต่อไปจะเตรียมการจัดตั้งศูนย์การพัฒนาความรู้ด้านภาษาอังกฤษเชิงวิชาชีพในมหาวิทยาลัยบูรพา 4. การพัฒนาบุคลากรในหลักสูตรระยะสั้นให้รู้เท่าทันและเชี่ยวชาญเทคโนโลยี​ เครือข่ายสถาบันการศึกษาในพื้นที่ อีอีซี ได้จัดหลักสูตรฝึกอบรมทักษะที่สำคัญเพื่อตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ ทั้งด้านอีคอมเมิร์ซ ปัญญาประดิษฐ์(AI)หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และ MICE โดยมีผู้ผ่านการอบรมแล้ว จำนวน 2,000 คน ในปี 2562 นอกจากนี้เพื่อดำเนินการจัดอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากร จำนวน10,000คนภายใน 4ปีในอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยหลักสูตรระยะสั้นจำนวน​ 68​ หลักสูตรEEC-HDCได้หารือบริษัทข้ามชาติชั้นนำระดับโลกทั้งHuawei,Vmware และMicrosoftเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ Oracle, Cisco และ Google กำลังอยู่ในระหว่างการหารือ โดยบริษัทเหล่านี้เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้สอนชาวต่างชาติ และค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ขณะเดียวกันได้กำหนดหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น (Reskills/Upskills) ซึ่งตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายในปีงบประมาณ 2563 จำนวน 120 หลักสูตร จำนวน 20,000 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ของความต้องการกำลังคนในปี2563 โดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่าย 200 ล้านบาท