ว่าด้วยเรื่องของการลงทุนในปัจจุบันมีปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก Brexit และทิศทางดอกเบี้ยขาลง ซึ่งการปรับตัวรับมือกับตลาดที่มีความผันผวนมากขึ้น ขณะที่ผลตอบแทนตกต่ำลงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย “ทีเอ็มบี” หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ได้เชิญพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลกอย่าง “M&G Investments” บริษัทที่บริหารกองทุนรวมเก่าแก่ที่สุดในประเทศอังกฤษ มาเปิดมุมมองด้านการเงินการลงทุนในตลาดพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน ในหัวข้อ “เทคนิคการสร้างกระแสรายได้ภายใต้สภาวะผลตอบแทนตกต่ำทั่วโลก” โดย Mr. Michael Dyer Investment Director, M&G Investments ท่ามกลางภาวะตลาดผันผวน “การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย” คือคำตอบของโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี เพราะเป็นการเลือกเอาข้อดีของสินทรัพย์ 2 ประเภทคือ หุ้น และ ตราสารหนี้มาไว้ด้วยกัน ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้มีความผันผวนค่อนข้างต่ำ ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอแต่ไม่สูงมาก ส่วนการลงทุนหุ้นจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยนอกจากจะได้รับรายได้ที่สม่ำเสมอจากเงินปันผลแล้ว ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain) เมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น แต่ก็มาพร้อมความผันผวนที่สูงมากเช่นกัน ดังนั้น การผสมสินทรัพย์ทั้งสองประเภทเข้าด้วยกัน จะช่วยให้ความเสี่ยงของราคาที่ผันผวนได้ลดลงด้วย นอกจากนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนของสินทรัพย์แต่ละประเภทในแต่ละปีจะไม่เท่ากัน มีการเปลี่ยนแปลงผันผวนได้ตลอดเวลา จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ต่ำลงเรื่อยๆ ดูจากดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ตอนนี้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว กำลังอยู่ในวงจรขาลง หรือแม้แต่ธนาคารกลางในยุโรปก็เช่นกัน ซึ่งผลตอบแทนจากพันธบัตรของธนาคารกลางเยอรมนีติดลบทุกช่วงเวลา แปลว่านักลงทุนที่ซื้อพันธบัตรแทนที่จะได้ดอกเบี้ย กลับกลายเป็นต้องจ่ายเงินสูงขึ้นเพื่อถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ นักลงทุนจึงต้องติดตามสถานการณ์ในแต่ละสินทรัพย์และปรับน้ำหนักการลงทุนอยู่เสมอ ดังนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายจะช่วยกระจายความเสี่ยงและทำให้ผลตอบแทนไม่ผันผวนมากจนเกินไป ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดขณะนี้ โดยเฉพาะประเด็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้น ในมุมมอง M&G Investments มองว่า ตลาดกังวลกับประเด็นดังกล่าวและคิดในแง่ลบมากเกินไป ทำให้ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาอย่างหนัก จนราคาตกลงมามาก ทั้งที่เมื่อดูจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา ทั้งอัตราการจ้างงาน และการใช้จ่ายของผู้บริโภค สะท้อนว่าเศรษฐกิจยังเติบโตได้ เพียงแต่เป็นแบบชะลอลง ซึ่งโอกาสเกิดภาวะถดถอย หรือวิกฤติเศรษฐกิจมีน้อยมาก เช่นเดียวกับประเด็นสงครามการค้า แม้ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่ามีจุดจบอย่างไร แต่มองว่าตลาดกลัวเกินไป เทขายหุ้นจนราคาตกต่ำกว่าพื้นฐานที่แท้จริง ถือเป็นโอกาสในการลงทุน เพราะเมื่อข่าวหายไปราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้น ดังนั้น ขณะนี้การลงทุนในหุ้นจึงน่าสนใจกว่าตราสารหนี้ โดยหุ้นยุโรปถือว่าค่อนข้างถูก และหุ้นญี่ปุ่นก็ถูกมากเกือบจะเรียกได้ว่าถูกที่สุด รวมทั้งหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ส่วนหุ้นสหรัฐอยู่ในช่วงกลางๆ ไม่ถูกไม่แพงเมื่อเทียบกับในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่ในการลงทุนนั้น ไม่ควรใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตระกร้าใบเดียว ต้องกระจายความเสี่ยง เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสหาผลตอบแทนที่ดีได้มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เดียว เป็นการสร้างสมดุลผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น สำหรับขั้นตอนหลักๆ ในการลงทุนของ M&G Investments ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้เติบโตตามเป้าหมายได้ในทุกสภาวะตลาดนั้น ขั้นตอนแรกจะเริ่มจากวิเคราะห์สินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้แต่ละประเภทว่ามีความถูกหรือแพงอย่างไร โดยดูจากผลตอบแทน ราคาตลาด และมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งบางครั้งความกลัวมากเกินของนักลงทุน ทำให้ราคาสินทรัพย์ตกต่ำเกินพื้นฐาน ช่องว่างนี้ถือเป็นโอกาสในการลงทุน จึงต้องวิเคราะห์ให้ลึกว่าราคาสินทรัพย์ที่ถูกลงนั้นเกิดจากอะไร เป็นเรื่องพื้นฐานหรือความกังวลของตลาด “สิ่งสำคัญที่ต้องดูด้วยคือ พฤติกรรมของนักลงทุน ดูว่ามีดรามาอะไรเกิดขึ้นในตลาดบ้าง บางทีนักลงทุนโฟกัสกับบางข่าวจนเกินไป ผู้จัดการกองทุนจะดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากข่าว หรือสิ่งที่นักลงทุนทำนั้น มากเกินพื้นฐานของสินทรัพย์หรือไม่ ถ้าเทขายจนราคาถูกเกินไปจะเป็นโอกาสในการลงทุนหรือเปล่า หรือนักลงทุนทำถูกแล้ว พูดง่ายๆ คือ ถ้านักลงทุนกลัวจนเทขายสินทรัพย์ที่พื้นฐานยังดีอยู่จนมากเกินไปก็จะใช้จังหวะนี้ปรับพอร์ตเข้าไปซื้อ ถือว่าเป็นหนึ่งใน Technical Allocation” เมื่อเลือกสินทรัพย์ที่น่าลงทุนได้แล้ว ก็จะนำมาประกอบร่างเป็นพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) ที่มีสินทรัพย์หลากหลาย โดยคำนึงถึงเรื่องผลตอบแทนที่ดีและมีความสม่ำเสมอเป็นหลัก แต่ต้องมีการกระจายความเสี่ยงด้วย ทำให้ความผันผวนของ Portfolio ไม่สูงเกินไป และเพื่อให้กองทุนมีความสมดุลสินทรัพย์ต่างๆ ต้องมีการตั้งเป้าหมายว่าจะลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทในสัดส่วนเท่าไหร่ สิ่งสำคัญการจัดสัดส่วนต้องมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่ายๆ ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งจากการจัดพอร์ตที่มีสินทรัพย์หลากหลาย มีความผันผวนต่ำกว่าตลาดหุ้น โดยลงทุนในพันธบัตรที่หลายประเภท มีการผสมผสาน ทำให้ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เพียงอย่างเดียว อย่างเช่น กองทุนใหม่ของทีเอ็มบี “TMBAM Eastspring Income Allocation Fund” ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์อย่างหลากหลาย ภายใต้การบริหารของทีมผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนมานานกว่า 20 ปี โดดเด่นด้วยการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอได้ตามที่คาดการณ์ไว้ และกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ความผันผวนไม่สูงเกินไป รวมทั้งมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตโฟลิโอได้อย่างคล่องตัวเพื่อให้การลงทุนสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น