และแล้วมีความชัดเจนว่า “รัฐบาล” เคาะวันเปิดประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ เพื่อถกแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10-11 ธ.ค.68 นี้ เท่ากับว่า “พรรคสีน้ำเงิน” อย่าง “ภูมิใจไทย” ไม่ได้คิดที่จะ “ฉีกMOA” ข้อตกลงที่ทำเอาไว้กับ “พรรคส้ม” ทิ้งแต่อย่างใด !
แต่เกมที่ลึกไปกว่าที่ตามองเห็น นั่นคือเกมนี้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้อง “มั่นใจ” แล้วว่า “ส้ม” กล่อม “แดง” จนอยู่หมัด จนสามารถ “เบรก” การยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาล ตาม มาตรา 151 ได้สำเร็จ
ปฏิบัติการ “ขู่” ชนิดรายวันจาก นายกฯอนุทิน ด้วยการหยิบเอาวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็น “หัวใจหลัก” ของพรรคประชาชน ที่ตั้งการ “โละ” รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งถูกร่างขึ้นในสมัย คสช.
และยังดูเหมือนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะยังเป็นเพียงเรื่องเดียว ที่พรรคประชาชนได้จาก การทำ MOA กับพรรคภูมิใจไทย เท่านั้น
ด้วยชั้นเชิงทางการเมืองและประสบการณ์ที่เหนือกว่า พรรคประชาชน ถึงกับ “เจรจา”กับ “พรรคเพื่อไทย” เพื่อให้ชะลอการยื่นญัตติซักฟอก ซึ่ง “ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ออกมายอมรับเอง
เช่นเดียวกับ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า มีการพูดคุยกันจริงกับพรรคประชาชน เรื่องขอให้ชะลอการยื่นญัตติซักฟอก รัฐบาลออกไปก่อน
การแสดงออกของนายกฯอนุทิน ชัดเจนอยู่ในทีว่า “รัฐบาล” ไม่กลัวการยุบสภาฯ และหากยุบเร็วกว่า กำหนด 31 ม.ค.31 การแก้รัฐธรรมนูญ มีอันต้อง “ล่ม” ไป ซึ่งนั่นไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล หรือ พรรคภูมิใจไทย
เมื่อฝ่ายค้าน พรรคใดก็ตาม คิดที่จะใช้ “ญัตติซักฟอก” มาล้มรัฐบาลกลางสภาฯ เพราะรู้อยู่แล้วว่า ไม่ว่าจะโหวตกันอย่างไร “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ก็ไม่มีทางชนะได้เลย
อย่างไรก็ดีการที่ รัฐบาล มีมติจากการประชุมครม. วันนี้ (5พ.ย.) ไฟเขียวให้มีการเปิดประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ วันที่ 10-11 ธ.ค. นอกเหนือไปจากการแสดงความมั่นอกมั่นในแล้วว่า พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย “คู่แค้น” จะไม่ยื่นญัตติซักฟอกเข้าสภาฯ
แต่เกมนี้ อาจจะต้องมี “แผนสำรอง” เพื่อสร้าง “หลักประกัน” ว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อย จะอยู่ไปจนครบไทม์ไลน์ที่วางเอาไว้ นั่นคือการ “ซื้อออก” ลดจำนวนสส.ฝ่ายค้านยังคิด “เข้าชื่อ” เพื่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ได้กำหนดให้ใช้เสียง สส. จำนวน 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
หากรายชื่อครบ และถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุระเบียบวาระ จะทำให้ไม่สามารถยุบสภา จนกว่าจะถอนญัตติ หรือลงมติจนแล้วเสร็จ ปัจจุบันมีสส.ในสภาฯ จำนวน 491 คน ดังนั้น 1 ใน 5 ของสส.ที่จะสามารถยื่นญัตติได้ จะต้องมี 98 คน
และวันนี้หากพรรคภูมิใจไทย จะมี “แผนสำรอง” เตรียมเอาไว้ ก็คงไม่แปลก แม้ปัจจุบัน สส.พรรคเพื่อไทย ที่มีอยู่เดิม 139 คน จะพากัน “ไหลออก” ไปแล้วก่อนหน้านี้ จากปฏิบัติการ “ดูด” ข้ามพรรค ของสีน้ำเงิน ทว่าสถานการณ์ทางการเมือง ห้วงเวลานี้ ยังอยู่ในช่วงเข้าโค้ง เข้ารอยต่อ ยังต้องสู้กันอีกยก !








