วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายปฏิมา จีระแพทย์ สว.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านตลาดทุนและธุรกิจประกันภัย วุฒิสภา พร้อมด้วยนางนุสรา บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย , นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ เลขาธิการสมาคมประกันวินาศภัยไทยและประธานกรรมการ บริษัทไทยรับประกันภัยต่อจำกัด(มหาชน), นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกันแถลงข่าวแสดงความเชื่อมั่นในเรื่องการประกันภัยสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม
โดยนายปฏิมา กล่าวว่า พวกเราเห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัย ทางภาคใต้ และเกิดความเป็นห่วงอย่างยิ่ง จึงอยากมีส่วนร่วมในการช่วยประชาชนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งคณะอนุกมธ.ฯ ได้มีการประชุมหารือ ถึงอุทกภัยน้ำท่วม และเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เรามีหน้าที่ในให้คำแนะนำกับรัฐบาลและหน่วยงานราชการ และติดตามการทำงานฉะนั้นจึงประสานไปยังคปภ.เพื่อให้คำแนะนำว่า คณะอนุกมธ.ฯ มีความเป็นห่วงและอยากให้ทางคปภ.มาสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ประสบภัย เพราะมีข่าวด้านลบสำหรับบริษัทที่ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และธุรกิจประกันชีวิตในเรื่องของเงินทุน เพราะมีความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นเฉพาะรถยนต์มีมากกว่า 10,000 คัน สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นยังไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจน
นายปฏิมา กล่าวต่อว่า ทางอนุกมธ.ฯ ได้ให้คำแนะนำไปว่าในกรณีของสมาคมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ทำงานร่วมกันกับคปภ.คือ 1. ต้องตั้งศูนย์รับเรื่องพิเศษตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งทราบว่าคปภได้จัดตั้งแล้ว 2.ต้องจัดในเรื่องของ Call Center เพื่อให้ผู้ประสบภัย สามารถติดต่อได้ 3. จะต้องอำนวยความสะดวกในการยื่นขอประกันภัยโดยไม่ต้องใช้เอกสารใดๆทั้งสิ้นโดยใช้เพียงการ แจ้งชื่อและนามสกุลและในกรณีที่ชื่อ-นามสกุลซ้ำก็จะดูที่วันเดือนปีเกิดต่อไป เนื่องเนื่องจากเอกสารต่างๆของผู้ประสบภัยไม่สามารถที่จะหาได้ คงจะไม่มีใครหอบแฟ้มเอกสารไปกับตัวเองในขณะที่หนีน้ำ และ 4. ต้องรวดเร็วเคลมเร็ว จ่ายเร็ว เพราะรถที่น้ำท่วมก็ต้องรีบซ่อม บ้านที่น้ำท่วมก็ต้องรีบซ่อม ครอบครัวผู้ประสบภัยก็ต้องใช้เงิน
“ในฐานะวุฒิสภาก็จะติดตามตรวจสอบการทำงาน ของคปภ.ที่จะควบคุมกำกับบริษัทประกันในการที่จะส่งคนไปตรวจรถยนต์โดยเร็ว ส่งเคลมให้เร็ว และติดต่ออู่ซ่อมรถยนต์ในจังหวัดใกล้เคียง ดำเนินการซ่อมให้เร็ว เพื่อประชาชนจะได้นำยานพาหนะไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ต่อไป“ นายปฏิมา กล่าว
นายปฏิมา กล่าวด้วยว่า สำหรับการเสียชีวิต ของผู้ประสบภัย ปัจจุบันยังไม่ได้รับข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ทางคปภ.เป็นหน่วยงานกลางที่จะประสานกับทางปภ.เมื่อทราบ ก็จะมีการตรวจสอบรายชื่อต่อไป
"ในฐานะที่เป็นคนไทยเราเห็นใจกับพี่น้องที่เดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้เราก็ขอเป็นส่วนเล็กน้อยในการช่วยติดตามประสานงาน เป็นอีกหนึ่งแรงในการบรรเทาทุกข์ของประชาชนให้กลับมามีสวัสดิภาพเช่นเดิม" นายปฏิมา กล่าว
ด้าน นางนุสรา กล่าวว่า อยากให้มั่นใจว่าภาคธุรกิจประกันชีวิตมีความยินดีและพร้อมที่จะจ่ายเงินชดเชยสินไหมไม่ว่าจะเป็นสินไหมมรณะจากการเสียชีวิต เมื่อไรที่ได้รายชื่อจาก ปภ.มาแล้วจะได้ดำเนินการติดต่อประสานงานเท่าที่เราจะหาตัวผู้เอาประกันหรือทายาท ขณะที่ประกันเสริมเพิ่มเติม เช่นประกันอุบัติเหตุ หากเกิดการเสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม ไฟดูด ก็ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ สามารถได้รับเงินชดเชยจากกรมธรรม์ ประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติมได้ หากไม่ทราบว่าญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปทำประกันชีวิตไว้หรือไม่สามารถที่จะหาข้อมูลได้โดยการโทรเข้าไปที่คปภ. หรือเช็กข้อมูลผ่านเว็บไซต์ ก็จะทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับผู้ทำประกันชีวิต
นางนุสรา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ประกันชีวิตพร้อมที่จะจ่ายเงินสินไหมให้อย่างรวดเร็ว ปกติกำหนดไว้ว่าไม่เกิน 15 วันแต่เราทำได้เร็วกว่านั้นแน่นอน แต่สิ่งสำคัญคือใบมรณบัตรแสดงว่ามีการเสียชีวิตจริงๆ จึงอยากให้ทุกคนตื่นตัว หากมีญาติพี่น้องเสียชีวิตไป มีประกันชีวิตหรือไม่ หากมีรายชื่อเรายินดีเข้าไปดูแลอย่างเต็มที่
”ขอยืนยันถึงความมั่นคงในธุรกิจประกันชีวิตและยังมีเงินสำรอง สำหรับประกันภัยของธุรกิจประกันชีวิต ถึง 520,000 กว่าล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมประมาณ 4.2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ของสินทรัพย์จะนำไปลงทุนประมาณ 4.1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ นั่นแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร“ นางนุสรา กล่าว
ขณะที่ นายโอฬาร กล่าวว่า เรื่องความมั่นคง ของธุรกิจประกันวินาศภัยขอยืนยันและให้ความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคและผู้ถือประกันว่าบริษัทประกันวินาศภัยมีความแข็งแรงภายใต้การกำกับดูแล สถานะทางการเงินของ คปภ. ส่วนเรื่องการจ่ายสินไหมตนเชื่อว่าทุกบริษัทประกันวินาศภัยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ซึ่งตนได้ลงไปในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ก็ได้พบกับหลายบริษัท ที่ลงพื้นที่ไปพบกับผู้ถือกรมธรรม์ ทั้งรถยนต์และประกันภัยทรัพย์สิน เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระยะเวลาตามที่สำนักงานคปภ.ได้มีการกำหนดไว้ ส่วนจะจ่ายสินไหมขนาดไหนนั้น ต้องขึ้นอยู่กับระดับความเสียหาย สามารถดูระดับความเสียหายได้จากเว็บไซต์คปภ. ส่วนการจ่ายสินไหมของที่อยู่อาศัยนั้น โดยปกติอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าทุกบริษัทพร้อมและเร่งจ่ายประกันสินไหมตรงนี้
นายโอฬาร กล่าวด้วยว่า ขณะที่กองทุนภัยพิบัติจะต้องเตรียมแผนรับมือในระยะกลางและระยะยาว หากมีความจำเป็นในอนาคตเพื่อให้ความคุ้มครอง ที่เหมาะสมกับผู้บริโภคในอนาคต เนื่องจากการซื้อประกันภัยต่อภายใต้ภาวะที่มีการผันผวนของภูมิอากาศอย่างรุนแรงอาจจะค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นการคุ้มครองที่เหมาะสม ในราคาที่เหมาะสม กองทุนภัยพิบัติอาจจะกลับมา ตอบโจทย์ของผู้บริโภคในอนาคต
ส่วนนายอดิศร กล่าวว่า ศปภ.มีความห่วงใย ประชาชนในภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง ได้ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์น้ำท่วมภัยพิบัติครั้งนี้ ณ เวลานี้สายด่วนประกันภัย 1186 เปิดบริการ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ประชาชนสามารถเข้าไปยังเว็บไซต์ ของสำนักงานประกันภัยจังหวัดที่มีน้ำท่วม, สำนักงานคปภ.ภาค มีเบอร์ของผอ. ทุกจังหวัดให้สามารถติดต่อได้ผ่านเบอร์มือถือด้วย ดังนั้นจึงขอให้มั่นใจว่าสำนักงานคปภมีความเต็มที่กับสถานการณ์นี้
นายอดิศร กล่าวว่า กรณีของการเสียชีวิตหรือทรัพย์สินเสียหาย ขอให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารสำนักงานคปภ.มีฐานข้อมูลกลางประกันภัยอยู่ในระบบอยู่แล้ว เพียงมีชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชนครบถ้วน ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ได้ กรณีของผู้เสียชีวิตที่ต้องพิสูจน์อัตลักษณ์ สำนักงานฯ ได้ประสานไปยังรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และประสานไปยังรองผู้บัญชาการตำรวจแก่งชาติ ขอให้อำนวยความสะดวกประสานงานกับคปภ.ในกรณีที่พิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว คปภ.ก็จะนำชื่อนั้นเข้าระบบและติดตามประสานกับประกันภัยเพื่อให้สินไหมกับทายาทผู้เสียชีวิต โดยเร็วที่สุด
นายอดิศร กล่าวต่อว่า กรณีของการประกันรถยนต์ จะให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ซึ่งประชาชนจะต้องตรวจสอบระดับน้ำกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่ต้องคืนทุนบริษัทจะจ่ายภายใน 7 วัน ที่จะต้องดำเนินการภายใน 15 วัน กรณีของการซ่อมอาจจะต้องใช้เวลาแต่แต่ละบริษัทกำลังประเมินอู่ซ่อมที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับอำเภอหาดใหญ่
นายอดิศร กล่าวว่า กรณีบ้านที่อยู่อาศัย มีการคุ้มครองน้ำท่วมอยู่ 20,000 บาท ถ้าบ้านอยู่ในพื้นที่ที่มีการประกาศว่าน้ำท่วม แล้วถ่ายรูปในช่วงน้ำท่วมหรือหลังจากน้ำลด เพราะเห็นคราบน้ำ ก็ส่งมาให้บริษัทจะพิจารณาจ่าย 20,000 บาทได้เลย ถ้าเป็นอาคารพาณิชย์หรือโรงงาน หากมีการซื้อประกัน จะจ่ายเบื้องต้น 30,000 บาท โดยใช้เพียงรูปถ่ายส่วนความเสียหายที่นอกเหนือจากนี้ก็ต้องมาว่ากันต่อ แต่ขอให้มั่นใจว่ากระบวนการรวดเร็วแน่นอน
“ความมั่นคงของบริษัทนั้น เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งเพราะภัยแบบนี้ เป็นภัยที่เกิดขึ้นแบบปกติ ไม่ได้หมายถึงการเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอแต่เป็นปกติของระบบประกันภัยเช่นจะเกิดทุกข์ 10 ปี 30 ปีหรือ 100 ปีหรือเป็นภัยที่เรารู้จัก เพราะฉะนั้นเรามีการประกันภัยที่มั่นคง เพื่อรองรับและมีการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ เพื่อตรวจสอบภาวะวิกฤตทางการเงินของแต่ละบริษัท ซึ่งเรายืนยันว่าทุกบริษัทมีความมั่นคงต่อการจ่ายสินไหม” นายอดิศร กล่าว








