วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12/2568 โดยมี นายณรงค์ เรืองศรี ปลัดกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร และผ่านระบบออนไลน์
สำนักการแพทย์ได้รายงานผลการดำเนินโครงการตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน และกิจกรรมวิ่งล้อมเมือง ดังนี้
โครงการตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน ที่ดำเนินการมาเกือบ 2 ปี มีประชาชนเข้ารับบริการตรวจสุขภาพรวมแล้วทั้งสิ้น 886,709 ราย (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 2568) โดยให้บริการตรวจสุขภาพที่ได้มากกว่าการคัดกรองความเสี่ยง อาทิ ตรวจโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต ตรวจวัดระดับไขมันในเลือด ตรวจการทำงานของไต จากการเจาะเลือด ตรวจโรคหัวใจ เอ็กซเรย์ปอด ประเมินความเครียด ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น
จากผลการตรวจสุขภาพพบว่าปัญหาสุขภาพหลักของคนเมืองคือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) 3 อันดับแรก คือ โรคไขมันในเลือดสูง 184,256 คน น้ำตาลในเลือดสูง 52,379 คน โรคความดันโลหิตสูง 242,785 คน นอกจากนี้พบแนวโน้มที่น่ากังวลด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างประชาชนที่มีภาวะน้ำหนักเกินถึง 476,581 คน และมีความเสี่ยงโรคซึมเศร้า 84,132 คน และปัญหาเกี่ยวกับระดับความเครียด จากการจำแนกตามช่วงวัย พบว่า วัยรุ่น/วัยเริ่มต้นทำงาน (15-34 ปี) เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตสูงสุด
กทม. จึงต้องดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับปัญหาที่พบ โดยนโยบายสุขภาพจิต ได้มีการขยายช่องทางการให้คำปรึกษาสำหรับกลุ่มเยาวชน ขณะเดียวกันจะเน้นส่งเสริม การปรับพฤติกรรม ด้านโภชนาการและการออกกำลังกายในวัยกลางคนที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงและภาวะน้ำหนักเกิน และใช้หน่วยบริการปฐมภูมิ เป็นกลไกหลักในการคัดกรองและจัดการโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง
ด้านกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ ‘วิ่งล้อมเมือง’ ซึ่งจัดขึ้นฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยจัดไปแล้ว 27 ครั้ง ใน 36 เขต ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. – 15 พ.ย. 68 มีประชาชนร่วมวิ่งรวม 51,264 คน
“กิจกรรมวิ่งล้อมเมืองถือเป็นกิจกรรมที่ดี แต่ขอให้อย่าไปรบกวนภาคเอกชนหรือให้ต้องสนับสนุนในรูปแบบใด ๆ ควรเกิดขึ้นด้วยใจ เพราะการวิ่งมีเพียงแค่รองเท้า 1 คู่ และชุดที่พร้อมก็สามารถวิ่งได้” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ด้านนายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวย้ำว่า หลังดำเนินโครงการตรวจสุขภาพ 1 ล้านคนแล้ว ต้องเอาผลมาวางแผนในการวางระบบสาธารณสุข ในโรคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งติดตามและวิเคราะห์ว่าเราควรจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป







