การแข่งขัน "กอล์ฟหญิง LPGA Tour ปี 2019" เดินทางมาถึง 3 ใน 4 ของฤดูกาลแล้ว หากไม่นับศึกกอล์ฟประเพณีระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกาในถ้วย "The Solheim Cup" กลางเดือนกันยายน ก็จะเหลืออีก 8 รายการก่อนปิดฉากการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ในปีนี้ถึงแม้จะยังไม่มีนักกอล์ฟไทยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ในการแข่งขัน LPGA Tour แต่ยิ่งใกล้โค้งสุดท้ายมากเท่าไร โปรสาวไทยก็ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟมือ 6 ของโลกในปัจจุบัน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โปรเมคว้าอันดับ 9 จากการแข่งขัน “CP Women's Open” ที่ประเทศแคนาดา ซึ่งเจ้าตัวเคยเป็นอดีตแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2016 เท่ากับว่าลงแข่งขัน 6 รายการหลังสุด โปรเมติดอันดับท็อป 11 ทั้งหมด และถ้านับรวมตลอดปีนี้ โปรเมก็จะติดอันดับท็อปเทนมากถึง 9 รายการ จากทั้งหมด 21 รายการที่ร่วมแข่งขัน ซึ่งสถิตินี้ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ร่วมของทัวร์ในปีนี้ เป็นรองเพียงแค่โค จิน ยอง มือ 1 โลกชาวเกาหลีใต้ที่ติดท็อปเทน 10 รายการเท่านั้น ขณะที่ "โปรโม" โมรียา จุฑานุกาล ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ติดอันดับท็อปเทน 7 ครั้ง เป็นอันดับ 6 ร่วมของทัวร์ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่ผลงานการติดอันดับท็อปของลีดเดอร์บอร์ดอย่างเดียว ในแง่ของความสม่ำเสมอ โปรเมก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน โดยครั้งสุดท้ายที่ไม่ผ่านการตัดตัวนั้น ต้องย้อนไปไกลถึงการแข่งขันเมเจอร์ “The Evian Championship” กลางเดือนกันยายนปี 2017 หรือเกือบๆ จะ 2 ปีเต็มเลยทีเดียว สถิติอื่นๆ ของโปรเมก็ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของทัวร์หลายรายการ ทั้งเงินรางวัลสะสม 1,038,393 ดอลลาร์สหรัฐ (31.16 ล้านบาท) ที่มากเป็นอันดับ 7 ของทัวร์, คะแนนสะสม Race to CME Globe 1,695 คะแนน เป็นอันดับ 9, สกอร์เฉลี่ยต่อรอบ 69.936 เป็นอันดับ 10, สถิติอีเกิ้ล 16 ครั้ง อยู่อันดับ 2 เป็นรองการ์ลอต้า ซิกันด้า โปรชาวสเปน เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ขณะที่สถิติเบอร์ดี้ ซึ่งโปรเมครองแชมป์สูงสุดมาหลายปี ตอนนี้ก็นำเป็นอันดับ 1 ของทัวร์ รวมทั้งสิ้น 307 ครั้ง โดยมีมินจี ลี โปรมือ 4 ของโลกชาวออสเตรเลีย ตามมาในอันดับ 2 ที่ 303 ครั้ง ขณะที่โปรโมอยู่อันดับ 4 ร่วม ทำเบอร์ดี้ไป 290 ครั้ง อีกหนึ่งสถิติน่าสนใจคือรางวัลใหม่ล่าสุดที่ทั้ง LPGA Tour และ PGA Tour ริเริ่มในปีนี้ นั่นคือ Aon Risk Reward Challenge ซึ่งจะวัดผลงานจากการเล่นหลุมยากของสนามต่างๆ ที่ระบุไว้ตลอดฤดูกาล ในการเล่นหลุมยากแต่ละทัวร์นาเมนต์ จะคิดคะแนนจากสกอร์ที่ดีที่สุด 2 ครั้งที่หลุมนั้น กล่าวคือถ้าไม่ผ่านการตัดตัวก็จะนับสกอร์ที่ทำได้ใน 2 วันแรก แต่ถ้าผ่านการตัดตัว ก็มีลุ้นเลือกผลงานดีที่สุด 2 จาก 4 รอบได้ นักกอล์ฟที่มีสกอร์เฉลี่ยต่อพาร์เมื่อรวมทุกหลุมแล้วดีที่สุด จะได้เงินโบนัส 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (30 ล้านบาท) ไปครอง เนื่องจาก โปรเม ลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ค่อนข้างหลากหลายกว่าคู่แข่ง หมายความว่าโอกาสในการเล่นหลุมยากก็มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะถ้าทำผลงานดีก็จะยิ่งช่วยให้คะแนนเฉลี่ยดีขึ้น แต่ถ้าทำผลงานไม่ดี สถิติก็จะร่วงลงได้ โดยภาพรวมขณะนี้ ถือว่า โปรเม ทำได้ดีเยี่ยม เล่นหลุมยากมาแล้ว 40 หลุม ทำสกอร์รวมที่หลุมเหล่านี้ 31 อันเดอร์พาร์ คิดเป็นสกอร์เฉลี่ย -0.775 ดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ของทัวร์ ขณะที่เหลือหลุมยากให้เล่นอีก 8 หลุม ขณะที่อันดับ 1 คือ ลี-แอนน์ เพซ โปรชาวแอฟริกาใต้ ที่เล่น 22 หลุม ทำสกอร์ 18 อันเดอร์พาร์ เฉลี่ยแล้ว -0.818 ส่วนอันดับ 2 เป็นการ์ลอต้า ซิกันด้า จากสเปน ทำสกอร์ 30 อันเดอร์พาร์ จาก 38 หลุม เฉลี่ยแล้ว -0.789 สุดสัปดาห์นี้ โปรเมมีโอกาสขยับผลงานเพื่อสร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัล Aon Risk Reward Challenge ที่เพิ่งจัดเป็นครั้งแรก เนื่องจากทั้งโปรเม, โปรโม รวมถึง "โปรเมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ มีคิวแข่งขันรายการ Cambia Portland Classic ที่สนาม Columbia Edgewater Country Club รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม - 1 กันยายน สนามนี้กำหนดหลุมยากไว้ที่หลุม 12 พาร์ 5 โดยความยากอยู่ที่การวางตำแหน่งลูกหลังทีออฟ รวมถึงการเล่นช็อตที่สองด้วย ศึก “Cambia Portland Classic” เป็นรายการที่มีอายุค่อนข้างนาน จัดแข่งขันมาแล้ว 25 ครั้ง ซึ่งเพราะเป็นรายการใหญ่จึงมีนักกอล์ฟมือพระกาฬของโลกเข้าร่วมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมือ 1 โลก โค จิน ยอง จากเกาหลีใต้ที่เพิ่งคว้าแชมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว, ปาร์ก ซุง ฮยุน มือ 2 โลกชาวเกาหลีใต้, เล็กซี่ ธอมป์สัน มือ 3 โลกชาวอเมริกัน, โปรเม มือ 6 ของโลก, บรู๊ก เฮนเดอร์สัน มือ 8 โลกชาวแคนาดา อดีตแชมป์ 2 สมัยของรายการ, นาสะ ฮาตาโอกะ มือ 9 โลกชาวญี่ปุ่น และเนลลี่ คอร์ด้า มือ 10 โลกจากสหรัฐ งานนี้นอกจากจะลุ้นผลงานของสาวไทยให้ปลดล็อกคว้าแชมป์แรกของปีแล้ว ยังน่าติดตามว่าโปรเมจะผ่านด่านทดสอบหลุมยากที่สนามนี้อย่างไรด้วย