เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ส.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง จากชาวบ้านว่ามี พ่อแม่ลูกและหลาน รวม 5 คน โดยหลานสาวคนเล็กป่วยพิการ หัวโต ซึ่งทั้ง 5 ชีวิตต้องอาศัยเงินเลี้ยงชีพจากผู้เป็นตา ที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่ประทั้งชีวิต โดยแม่และยาย พึ่งออกจากงานจึงไม่มีเงินดูแลหลาน ซึ่งแม่ก็ทำได้เพียงไลฟ์สดขายขนมทางเฟสบุ๊ค ชื่อ ต้นน้ำ บุญรักษา ผู้สื่อข่าว จึงได้ติดต่อเจ้าของเฟสบุ๊คดังกล่าวไป พบว่า พักอาศัยอยู่ในซอยนครชัยมงคลวิลล่า 3 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงบริเวณอาคารพาณิชย์ ด้านหน้าเตรียมเปิดเป็นร้านขายยา ชื่อ ทองพันช่างยาไทย โดยพบกับ นส.คณิศร แสงอุไร อายุ 23 ปี โดยมีลูกสาว 2 คน ลูกคนโต ด.ญ.พรสวรรค์ คมกฤส ชื่อเล่นน้องต้นน้ำ อายุ 5 ขวบเรียนชั้นอนุบาล 3 รร.วันครู ลูกคนเล็ก ด.ญ.รัตนาภรณ์ แสงอุไร ชื่อเล่นน้องบุญรักษา อายุ 1 ขวบ 3 เดือนเพศหญิง ยายชื่อนางพรชนก แสงอุไร อายุ 58 ปี ก่อนหน้านี้ทำอาชีพผู้ช่วยเภสัส แต่เนื่องจากต้องหยุดงานมาช่วยดูหลาน จึงออกจากงาน และตาชื่อนายรุ่งโรจน์ แสงอุไร อายุ 49 ปี อาชีพขับแท็กซี่รับจ้าง โดยพบ ด.ญ.รัตนาภรณ์ แสงอุไร ชื่อเล่นน้องบุญรักษา อายุ 1 ขวบ 3 เดือน มีอาการพิการแขนขา และมีศีรษะโตผิดรูปจนเห็นได้ชัด
จากการสอบ นส.คณิศร แสงอุไร อายุ 23 ปี ผู้เป็นแม่เล่าว่า ด.ญ.รัตนาภรณ์ แสงอุไร ชื่อเล่นน้องบุญรักษา อายุ 1 ขวบ 3 เดือน นั้น ตนเองไปฝากครรภ์ตามปกติ แต่ที่ตรวจสอบพบความผิดปกติ ตอนอายุครรภ์ได้ 8 เดือน ซึ่งแพทย์ได้แจ้งว่า เด็กผิดปกติมีศีรษะโต โดยจะเอาออกก็ไม่มันแล้ว ตนจึงปล่อยรอจนคลอด ซึ่งเมื่อคลอดออกมา ความผิดปกติมีเพียง แขนและขาที่ผิดรูปเท่านั้น ส่วนศีรษะก็ปกติดี แต่เมื่ออยู่ได้อายุประมาณ 1-2 เดือน ลูกสาวเริ่มมีอาการผิดปกติทางร่างกายโดยศีรษะเริ่มโต นิ่มเหมือนมีน้ำด้านในและใหญ่ขึ้นเรื่อยมา สามีที่เคยอยู่ด้วยกันก็เลิกลากันไป ตนเองพ่อแม่ต้องช่วยกันดูแลกันเรื่อยมาเพราะน้องบุญรักษามีอาการปวดศีรษะบ่อยครั้งและจะร้องเวลากลางคืน กระทั่งมารดาต้องออกจากเงินที่ก่อนหน้านี้เป็นผู้ช่วยเภสัชกรเพื่อมาช่วยดูแลหลาน เงินเดือนที่เคยได้ก็ไม่มีบ้านที่จ.นนทบุรี ซึ่งผ่อนกับธนาคารก็ถูกยึดเพราะต้องนำเงินไปซื้อนมและของใช้ให้กับหลาน กระทั่งมีคนรู้จักมีจิตศรัทธาให้ย้ายเข้ามาอยู่ที่จ.ปทุมธานี เป็นการขั่วคราวตนเองจึงย้ายมาและเข้าออกร.พ.พระนั่งเกล้า เป็นประจำ ส่วนหลานสาวอีกคนย้ายมาเรียนที่โรงเรียนวันครู ซึ่งอยู่ใกล้บ้านจนทุกวันนี้มีเพียงตาหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว โดยต้องเสียค่าเช่าวันละ 722 บาท ซึ่งหลังจากหักค่าใช้จ่ายก็จะเหลือเงินประมาณ 200-300 เพื่อนำมาดูแลครอบครัวบางวันลูกค้าไม่มีก็จะเหลือประมาณ 100-200 บาท บางวันต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อให้ลูกหลานได้มีกิน แต่หลังจากนี้หากผู้ที่ให้บ้านพักอาศัยอยู่ชั่วคราว ให้ออกก็ยังไม่ทราบว่าจะไปอยู่ตรงไหน เพราะครอบครัวไม่มีเงินเลย มีแค่ใช้ไปวันๆ บางวันก็ไม่มี
นางพรชนก แสงอุไร อายุ 58 ปี ผู้เป็นยายเปิดเผยต่อไปอีกว่า ทุกวันนี้ลูกสาวก็พยายามหาทางช่วยเหลือครอบครัวโดยการไลฟ์สดผ่านทางเฟสบุ๊ค ด้วยการนำขนมมาขาย และส่งให้ทางไปรษณีย์ผ่านเฟวบุ๊กชื่อ ต้นน้ำ บุญรักษา โดยมีขนมอบกรอบบรรจุถุงเพื่อให้ผู้ที่มีจิตเมตตา มีทุนทรัพย์ช่วยอุดหนุนเพื่อนำเงินไปรักษาหลานสาว และใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งตนเองก็ป่วยไม่สามารถทำงานหนักได้ ก็ช่วยเลี้ยงหลานได้บ้าง แต่ถ้าอุ้มก็ทำได้ยาก แต่ถ้าช่วยบรรจุขนมช่วยลูกขายก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยทำได้ จึงวอนผู้ใจบุญ ช่วยกันซื้อขนมเยอะๆ พวกตนก็จะมีรายได้ในการดำรงชีวิตต่อไป หรือหากใครที่จะช่วยเหลือก็สามารถเข้ามาได้ที่บ้านพัก