ทั้งไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์ยืนยัน ยังทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน แนะดูแลสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ป่วยให้หาหมอ ชี้น้ำปัสสาวะเท่ากับเป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมา อย่าดื่มกลับ อาจปนเปื้อนอุจจาระ เชื้อบิด ทำไตทำงานหนัก สะสมสารต่างๆ อันตรายต่อร่างกาย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังจากที่มีกลุ่มบุคคลเปิดเผยตนเองว่า ดื่มน้ำปัสสาวะเป็นประจำแล้วสุขภาพดีขึ้น จึงเกิดกระแสตื่นตัวทางโลกออนไลน์ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ บำบัดโรคร้ายได้นั้น แต่ความจริงแล้วน้ำปัสสาวะบำบัดไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์และคลินิกที่น่าเชื่อถือรองรับ หากนำมาใช้โดยไม่ระวังอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งปัจจุบันวิทยาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ประชาชนจึงมีทางเลือกในการรักษาโรคหลากหลายช่องทางทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก จึงควรตัดสินใจอย่างรอบคอบ คำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพการรักษาเป็นสำคัญ อยากให้ประชาชนเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยหรือปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในโรงพยาบาลในพื้นที่ เพราะการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นวิธีการรักษาโรคที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพมากกว่าทางเลือกอื่น ทั้งนี้ วิธีรักษาโรคที่ดีที่สุดคือดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด ไขมันสูง กินผักและผลไม้ให้มาก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ตรวจสุขภาพประจำปี กรณีหากพบความผิดปกติของร่างกาย ต้องรีบพบแพทย์ใกล้บ้านและรักษาและปฏิบัติตัวภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ด้านนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากน้ำปัสสาวะเป็นของเสีย หรือสารที่เป็นส่วนเกินของร่างกายที่ไตขับออกมา แม้ว่าจะมีสารต่างๆ อยู่มาก ทั้งยูเรีย เกลือแร่ แคลเซียม และโซเดียมคลอไรด์ รวมถึงสารอื่น ๆ แต่เป็นสิ่งที่เกินความต้องการของร่างกาย หากสะสมไว้มากเกินไปจะเป็นอันตราย เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง น้ำท่วมปอด หัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ ร่างกายจึงขับทิ้งตามระบบ ดังนั้น หากดื่มกลับเข้าไปซ้ำอีก จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย นอกจากนี้ น้ำปัสสาวะที่ขับออกมายังอาจปนเปื้อน อุจจาระ ทำให้มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ อย่างเชื้อบิด อาจติดต่อไปยังผู้อื่นที่นำน้ำปัสสาวะนั้นมาดื่ม นอกจากนี้ ไตซึ่งทำหน้าที่กลั่นกรองของเสียออกจากร่างกาย ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพราะต้องขับของเสียออกซ้ำและอาจเกิดการคั่งค้างของสารต่างๆในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ หรือโรคที่ต้องควบคุมปริมาณน้ำ แร่ธาตุ และสารอาหารให้เหมาะสม อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้