จากกรณีที่ได้มีการแชร์วีดิโอคลิปจำนวน 2 คลิป ซึ่งคลิปแรกเป็นภาพขณะที่รถบรรทุกสิบล้อคนหนึ่ง ได้ขับตามรถตู้สีขาวขณะลงเขาด้วยความเร็วอย่างหน้าหวาดเสียว จากนั้นในคลิปที่สอง เป็นภาพรถบรรทุกสิบล้อคันดังกล่าวจอดขวางหน้ารถตู้อยู่ที่เลนซ้าย และคนขับรถบรรทุกสิบล้อได้ลงมาต่อว่าคนขับรถตู้โดยในมือถือประแจสีขาวพยายามเงื้อขู่จะทุบกระจกหน้าต่างด้านข้างคนขับของรถตู้ และจากนั้นพยายามใช้มืออีกข้างดึงเปิดประตูและทุบที่กระจกหน้าต่างอย่างแรง ก่อนจะทุบที่กระจกมองข้างอีกครั้งอย่างแรงจนแผ่นกระจกหลุดตกลงบนพื้น ก่อนรีบเดินกลับไปที่รถ จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้(26 ส.ค.62) ที่ถนนปฎัก (ทางลงเขากะตะ ) ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และจุดที่มีการลงไม้ลงมือคือ บริเวณหน้าตลาดแม่สมจิตร ซึ่งสาเหตุนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าจะมาจากการขับรถปาดหน้ากันขณะขึ้นเขา ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุริยง บัวเกิดเพชร รอง สว.(สอบสวน)สภ.กะรน ได้ ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจ ติดตามคู่กรณีมาพบ เบื้องต้นทราบตัวผู้ก่อเหตุและผู้เกี่ยวข้อง 3 รายคือ นายหัตพงศ์ อินนุรักษ์ อายุ 24 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 42/1 ม.8 ต.ทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง คนขับบรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 81-1000 ภูเก็ต นายอนุพงศ์ แซ่ง้อ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/1 ถ.หลวงพ่อ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต คนขับตู้ หมายเลขทะเบียน 31-2214 ภูเก็ต และนอยจากนี้ยังได้เชิญตัว นายสุนทร ชุนวร อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232/7 ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าของรถยนต์ตู้ มาให้การ โดยมี พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก. สภ.กะรน ร่วมสอบปากคำ โดยเบื้องต้น ทราบว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายขับขี่รถมาจากบริเวณวงเวียนห้าแยกฉลอง โดยนายอนุพงศ์ฯ ขับรถตู้อยู่ช่องทางด้านขวา ส่วนนายหัตพงศ์ฯ ขับรถบรรทุกสิบล้ออยู่ช่องเดินรถซ้ายมือทางด้านหลัง โดยนายหัตพงศ์ฯ พยายามจะขับแซงรถตู้ แต่ไม่สามารถแซงได้ เนื่องจากรถตู้ขับกันไม่ให้แซงได้ จึงเกิดอารมณ์โมโห และพยายามแซงเป็นผลสำเร็จ ที่บริเวณหน้าตลาดแม่สมจิตร จึงปาดหน้ารถยนต์ตู้บังคับให้หยุดรถ จากนั้นนายหัตพงศ์ฯ ได้ลงจากรถพร้อมนำเอาประแจรถสิบล้อลงมาด้วย แล้วใช้มือข้างขวาต่อยไปที่กระจกรถตู้ด้านขวา ทำให้กระจกรถตู้หลุดได้รับความเสียหาย และจากการสอบสวนปากคำ นายอนุพงศ์ฯให้การว่า ได้ขับขี่รถอยู่ทางด้านขวามือตลอดทาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้ทราบว่า การขับขี่รถอยู่ในช่องเดินทางขวามือโดยตลอดนั้นเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ. 2522 ฐาน ไม่ขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย มาตรา 33,151 จึงได้แจ้งพฤติการณ์การกระทำผิดให้ทราบ ซึ่งผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ให้การรับสารภาพ และยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหาดังกล่าวเป็นเงิน 500 บาท ส่วนนายหัตพงศ์ฯใช้กำลังต่อยกระจกรถของผู้อื่นซึ่งเป็นการทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ ลักษณะเป็นการขู่เข็ญ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392 ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ พนักงานสอบสวนจึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นคดีอาญา เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท อย่างไรก็ตาม สำหรับความเสียหายของรถตู้ นายสุนทร ชุนวร เจ้าของรถตู้ ไม่ติดใจในค่าเสียหายและไม่เรียกร้องใดๆ จากฝ่ายนายหัตถพงศ์ฯ แต่อย่างใด คู่กรณีทั้งสองฝ่ายสามารถปรับความเข้าใจกันได้แล้ว และรับว่าต่อจากนี้จะขับขี่รถในมทางอย่างมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง และจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยนายอนุพงศ์ฯ ได้ยกมือไหว้ขอโทษนายหัตพงศ์ฯ และสัมผัสมือกันแสดงความเป็นมิตรกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ