เมื่อวันที่ 23 ส.ค.62 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม พ.ต.ท.เผด็จ งามละม่อม พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์ พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง รอง ผกก.5 บก.ป. และ พ.ต.ต.ฐิติวัสส์ แซมเขียว สว.กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 /1หมู่ 8 ต.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 460/60 ลงวันที่ 20 ก.ค.60 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง และมีหมายจับอีกทั้งหมด 7 หมายจับ
2.นางวัฒนา วิทยรัตน์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 787/31 ถนนโชคชัย - เดชอุดม ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับของศาลแขวงจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ.25/62 ลงวันที่ 29 พ.ค.62 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง ตรวจสอบพบว่ามีหมายจับอีก 2 หมาย รวม 3 หมายจับ 3.นางสาวปัทมาวดี หรือผอม ฤทธิ์มาก อายุ 41 ปี อยู่เลขที่ 21 ม.6 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับของศาลแขวงจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ.24/62 ลงวันที่ 29 พ.ค.62 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง (เสื้อสีเหลือง) ได้ที่ลานจอดรถรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ม.7 ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
สืบเนื่องจากเมื่อปี 2558 นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ พร้อมกับพวกรวม 4 คน ได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย 2 คน ว่ามีนายทุนต่างชาติต้องการซื้อที่ดินบริเวณ อ.ชะอำ และจ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนหลายร้อยไร่ โดยซื้อในราคาสูง โดยให้ผู้เสียหายทั้ง 2 คน ติดต่อหาที่ดินมาขายให้กับนายทุน ซึ่งจะได้ส่วนแบ่ง 3 เปอร์เซ็นต์ ของราคาขายที่ดิน คิดเป็นเงินหลายล้านบาท และได้หลอกผู้เสียหายทั้ง 2 คน ว่าต้องมีค่าดำเนินการ ในการรางวัดที่ดิน และค่าดำเนินการซื้อขาย โดยให้ผู้เสียหายทั้ง 2 คน ช่วยออกค่าดำเนินการให้หลายครั้งๆ ละ 300,000 – 500,000 ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารหลายบัญชีของตนเองและเพื่อนร่วมแก๊งรวมความเสียหายทั้งสิ้น 17 ล้านบาท
ต่อมาผู้เสียหายทั้ง 2 คน ไม่สามารถติดต่อกับนางภัทราพัฒน์ฯ และเพื่อนร่วมแก็ง จึงมั่นใจว่าตนเองถูกหลอกจึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 บก.ป. ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง ต่อมามีผู้ต้องหา 2 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาส่วน นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ กับนายอลงกรณ์ ตั้งเอี่ยมขจร หลบหนีศาลอาญาจึงได้อนุมัติหมายจับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหา ได้รับทราบว่านางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ ได้ร่วมกับนางวัฒนา วิทยรัตน และนางสาวปัทมาวดี หรือผอม ฤทธิ์มาก ไปก่อเหตุฉ้อโกงผู้เสียหายซึ่งเป็นครูในพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยใช้วิธีการฉ้อโกงในลักษณะเดียวกันได้เงินจากการฉ้อโกงไปกว่า 3,400,000 บาท จนกระทั่งศาลจังหวัดสุรินทร์ ได้อนุมัติหมายจับทั้ง 3 คน จากการตรวจสอบประวัติ นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ มีหมายจับ 7 หมายจับ นางวัฒนา วิทยรัตน์ มีหมายจับ 3 หมายจับ และนางสาวปัทมาวดี หรือผอม ฤทธิ์มาก ซึ่งเป็นน้องของนางภัทราพัฒน์ฯ มี 1 หมายจับ
ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้บริเวณลานจอดรถรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ม. 7 ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยในชั้นจับกุมนางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ ให้การรับสารภาพ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนนางวัฒนา วิทยรัตน และ นางสาวปัทมาวดี ฤทธิ์มาก ในชั้นจับกุมให้การปฏิเสธ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาผู้เสียหายทั้ง 2 คน ไม่สามารถติดต่อกับนางภัทราพัฒน์ฯ และเพื่อนร่วมแก็ง จึงมั่นใจว่าตนเองถูกหลอกจึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 บก.ป. ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง ต่อมามีผู้ต้องหา 2 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาส่วน นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ กับนายอลงกรณ์ ตั้งเอี่ยมขจร หลบหนีศาลอาญาจึงได้อนุมัติหมายจับ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหา ได้รับทราบว่านางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ ได้ร่วมกับนางวัฒนา วิทยรัตน และนางสาวปัทมาวดี หรือผอม ฤทธิ์มาก ไปก่อเหตุฉ้อโกงผู้เสียหายซึ่งเป็นครูในพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยใช้วิธีการฉ้อโกงในลักษณะเดียวกันได้เงินจากการฉ้อโกงไปกว่า 3,400,000 บาท จนกระทั่งศาลจังหวัดสุรินทร์ ได้อนุมัติหมายจับทั้ง 3 คน จากการตรวจสอบประวัติ นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ มีหมายจับ 7 หมายจับ นางวัฒนา วิทยรัตน์ มีหมายจับ 3 หมายจับ และนางสาวปัทมาวดี หรือผอม ฤทธิ์มาก ซึ่งเป็นน้องของนางภัทราพัฒน์ฯ มี 1 หมายจับ
ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้บริเวณลานจอดรถรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ม. 7 ต.กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยในชั้นจับกุมนางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง รุ่งเรืองโรจน์ ให้การรับสารภาพ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนนางวัฒนา วิทยรัตน และ นางสาวปัทมาวดี ฤทธิ์มาก ในชั้นจับกุมให้การปฏิเสธ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ดำเนินคดีต่อไป