เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 23 สิงหาคม พ.ต.ท สมโชค ปานพิมพ์ พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้วัดคลองส่งน้ำ ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จึงไปตรวจสอบพร้อมประสานรถดับเพลิงของเทศบาลตำบล (ทต.) ปรุใหญ่ ให้ไประงับเหตุ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในอุโบสถ 2 ชั้น ด้านล่างเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ ต้นเพลิงเกิดขึ้นชั้นบนบริเวณหน้าพระประธาน พบคนงานก่อสร้าง อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฮุก.31นครราชสีมา ชาวบ้านและพระสงฆ์กำลังช่วยกันดับไฟที่กำลังลุกไหม้พรมและโต๊ะหมูบูชา ความร้อนจากเปลวเพลิงทำให้ฝ้าเพดานที่ประดับด้วยลูกแก้วและกระเบื้องได้ร่วงหล่นลงมาพื้นด้านล่างตลอดเวลา เจ้าหน้าที่และพลเมืองดีต้องรีบหนีออกมาด้านนอกพร้อมเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายความร้อน จากนั้นได้ต่อสายฉีดน้ำดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบสถานการณ์ได้ พระอธิการณัฐวุฒิ เจ้าอาวาสวัดคลองส่งน้ำ เปิดเผยว่า อุโบสถหลังนี้ได้วางศิลาฤกษ์มาตั้งแต่ปี 2550 โดยใช้เงินบริจาคจากญาติ โยมและรายได้จากการจัดกิจกรรมทางศาสนา จากนั้นได้จัดงานฝังลูกนิมิตเมื่อช่วงต้นปี 2562 ได้เงินกว่า 14 ล้านบาท รายได้ส่วนหนึ่งนำไปสร้างศาลาการเปรียญและต่อเติมสิ่งปลูกสร้างภายในอุโบสถ ขณะที่อาตมาและพระภิกษุรวม 10 รูป กำลังจำวัด คนงานก่อสร้างศาลาการเปรียญได้ร้องตะโกนมีไฟไหม้อุโบสถ จึงรีบออกมาดูและพยายามดับเพลิงรวมทั้งแจ้งเหตุของความช่วยเหลือสุดวิสัยที่จะควบคุมเพลิงได้ ตรวจสอบสภาพความเสียหายทั้งพระประธาน พรมขนาดใหญ่ สิ่งของเครื่องใช้ประกอบศาสนกิจสงฆ์และฝ้าเพาดาน ฝาผนังที่ประดับตกแต่งด้วยวัสดุอย่างดี เครื่องรางของขลังวัตถุมงคลรวมทั้งภาพเขียนสีน้ำมันเรื่องไตรภูมิที่ใช้ช่างจาก ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ใช้เวลากว่า 2 ปี รวมมูลค่าเกิน 3 ล้านบาท ด้าน พ.ต.ท สมโชค ฯ พนักงานสอบสวนเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องสันนิษฐานเบื้องต้นน่าจะเกิดจากเทียนขนาดใหญ่ที่จุดทิ้งไว้หลังทำวัตรเย็นแล้วไม่ยมดับไฟ เมื่อเสร็จกิจสงฆ์ได้ปิดประตูหน้าต่างอุโบสถ แต่เทียนได้ล้มลงบนพรมซึ่งเป็นเชื้อไฟอย่างดี เป็นเหตุให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามสาเหตุที่แท้จริงต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากกลุ่มงานตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3