กรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าสืบสาน ต่อยอดโคนมอาชีพพระราชทานสู่ความยั่งยืน กระตุ้นสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ เร่งยกระดับคุณภาพน้ำนมดิบ ปรับปรุงศูนย์รวบรวมน้ำนมโคให้ได้มาตรฐาน เพื่อพัฒนาอาชีพโคนมสู่ความมั่นคง ยั่งยืน และเสริมเขี้ยวเล็บอุตสาหกรรมนมไทยให้สามารถแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายประยูร อินสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า เพื่อสืบสาน ต่อยอด อาชีพการเลี้ยงเลี้ยงโคนมซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน มั่งคง กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เร่งรัดติดตามแผนงานพัฒนาสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ และโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของรัฐบาล ด้านสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในสหกรณ์โคนม เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำนมดิบ และต้องการยกระดับสหกรณ์โคนมให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันทั้งตลาดภายในและต่างประเทศโดยปัจจุบันมีสหกรณ์โคนมทั้งสิ้น 102 สหกรณ์ มีสมาชิกกว่า 19,000 ราย มีปริมาณโค 387,693 ตัว ปริมาณน้ำนมโคเฉลี่ย 1,948.32 ตัน/วัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์มีแนวทางการพัฒนาสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตน้ำนมให้มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และได้มาตรฐาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เริ่มจากการส่งเสริมและพัฒนาฟาร์มของสมาชิกเพื่อให้ได้มาตรฐานจีเอพี (GAP) พร้อมปรับปรุงศูนย์รวบรวมน้ำนมโคของสหกรณ์ให้ได้การรับรองตามมาตรฐานจีเอ็มพี (GMP) ก่อนเข้าสู่โรงงานแปรรูปของสหกรณ์ทั้ง 26 แห่ง ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP และ HACCP เป็นการการันตีว่าผ่านกระบวนการและกรรมวิธีที่ดีในการผลิตอาหาร โดยมีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP แล้ว 116 ศูนย์ ด้าน นางเกศรินทร์ นันทพิสิฐ ผู้จัดการสหกรณ์โคนมพิมาย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจหลักของสหกรณ์ คือ ธุรกิจรับซื้อน้ำนมดิบ จากสมาชิกเพื่อนำส่งให้กับบริษัทคู่ค้ายาวนานกว่า 20 ปี นอกจากนี้ สหกรณ์ยังมีฟาร์มที่บริหารจัดการโดยสหกรณ์เอง มีการเลี้ยงโคนม รีดน้ำนมส่งเข้าสหกรณ์ และมีบริการให้สมาชิกสามารถนำโครุ่นมาขายฝาก ในรูปแบบธนาคารโคนมทดแทนฝูง โดยสหกรณ์จะนำโครุ่นจากสมาชิกมาไว้รวมกันที่ฟาร์มกลาง เลี้ยงดูตามหลักวิชาการ ให้อาหารที่เหมาะสม และทำการผสมเทียมโดยเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นการช่วยสมาชิกลดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงโค เมื่อถึงกำหนดเวลาไถ่ถอนคืน สมาชิกก็จะได้แม่โคที่มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง สามารถผลิตน้ำนมได้ในปริมาณมากและมีคุณภาพกลับคืนสู่ฟาร์ม สำหรับมาตรการในการควบคุมคุณภาพน้ำนมดิบของสหกรณ์ เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ คือฟาร์มของสมาชิกผู้เลี้ยงโคนม เกษตรกรจะได้รับการอบรมในเรื่องการเข้าสู่มาตรฐาน GAP ของกรมปศุสัตว์ เพื่อให้ต้นน้ำมีการผลิตน้ำนมดิบที่ได้มาตรฐาน เรื่องไขมันและองค์ประกอบต่างๆ พอมาถึงกลางน้ำ สหกรณ์จะมีการตรวจเข้มในเรื่องคุณภาพ องค์ประกอบของน้ำนมให้เป็นไปตามระเบียบการรับซื้อน้ำนมของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ที่ใช้กันทั่วประเทศ โดยสหกรณ์จะให้ราคาน้ำนมดิบที่สมาชิกแต่ละคนนำมาขายตามคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันนี้ สหกรณ์ได้มีอาคารศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบหลังใหม่ ขนาด 60 ตันต่อวัน ประกอบไปด้วยเครื่องจักรในการรวบรวมน้ำนมดิบ ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์พร้อมอุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำนม รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นงบประมาณอุดหนุนจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของรัฐบาล ผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยรัฐอุดหนุนให้สหกรณ์ 16,240,000 บาท และสหกรณ์สมทบ 6,960,000 บาท รวมงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 23,200,000 บาท ทำให้สหกรณ์โคนมพิมาย จำกัด สามารถรวบรวมน้ำนมดิบได้ตามคุณภาพ มาตรฐาน มากขึ้น ขณะที่ นางสาวสมฤทัย ยอดทองหลาง หนึ่งในสมาชิกสหกรณ์โคนมพิมาย จำกัด กล่าวว่า ฟาร์มของตน จะเน้นใส่ใจเรื่องมาตรฐานคุณภาพของน้ำนมมาเป็นอันดับหนึ่ง มีการดูแลเรื่องความสะอาดของแม่โคที่ให้น้ำนมอย่างเข้มงวด ต้องตรวจสอบโรคเต้านมอักเสบเบื้องต้นทุกครั้ง เมื่อพบว่าน้ำนมสะอาด ปลอดภัย จึงเข้าสู่กระบวนการรีดและรวบรวมน้ำนมดิบส่งให้สหกรณ์ ในส่วนของอาคารรวบรวมน้ำนมดิบหลังใหม่ของสหกรณ์นั้น นอกจากจะเป็นการยกระดับคุณภาพน้ำนมดิบที่รวบรวมแล้ว ยังมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้สมาชิก เพราะมีเครื่องล้างถังนมอัตโนมัติ ที่จะทำความสะอาดถังนมหลังส่งได้ทันที ทั้งยังช่วยลดเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนในถังนม ก่อนที่จะนำมาบรรจุน้ำนมดิบส่งขายในรอบต่อไป นับจากวันที่อาคารศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบหลังใหม่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2561 ปรากฏว่าสามารถรองรับน้ำนมดิบได้ตามความต้องการของสมาชิก โดยสหกรณ์มีแผนจะรับสมาชิกเพิ่ม เพื่อขยายปริมาณน้ำนมดิบที่รับเข้ามาในแต่ละวัน จาก 37 ตันเศษ ให้อยู่ที่ 40 ตัน และจะมุ่งเน้นเรื่องการยกระดับคุณภาพน้ำนมดิบอย่างต่อเนื่อง สืบสานอาชีพพระราชทานให้อยู่คู่คนไทยสืบไป