กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือทีเส็บ สานต่อโครงการไมซ์เพื่อชุมชน ปี 3 ดึงสหกรณ์เป็นแหล่งศึกษาดูงานและจัดกิจกรรมการประชุม หวังกระจายรายได้สู่ชุมชน จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนแปรนโยบายเป็นเงิน เพิ่มรายได้ใส่กระเป๋าให้กับประชาชนในระดับฐานราก กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมกันตีโจทย์และผนึกความร่วมมือในนามของโครงการไมซ์เพื่อชุมชน ดึงการสัมมนาและการจัดประชุมนิทรรศการจากห้องประชุมออกไปศึกษาดูงานและเรียนรู้กิจกรรมในชุมชนต่างๆ โดยมีสหกรณ์เป็นศูนย์กลาง ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้บริการจัดกิจกรรมศึกษาดูงานและการสาธิตการผลิตสินค้า เพื่อผลักดันให้เกิดการร่วมมือกันระหว่างองค์กรต่างๆ กับสหกรณ์ และชาวบ้านในชุมชน นำไปสู่การร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ซึ่งจากปีแรกที่ดำเนินการในปี 2561 มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 35 แห่ง ส่งต่อความสำเร็จมาในปีที่ 2 มีสหกรณ์เข้าร่วม 50 สหกรณ์ นายพิเชษฐ์ วิริยะหาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ ทีเส็บ ภายใต้โครงการไมซ์เพื่อชุมชน ปีที่ 2 ได้รับการตอบรับที่ดีจาก สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้แต่ละสหกรณ์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาสหกรณ์ตนเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดให้องค์กรและหน่วยงานต่างๆ แวะเวียนเข้ามายังสหกรณ์ เพื่อจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน เรียนรู้กิจกรรมและเยี่ยมชมกระบวนการผลิตสินค้าของสหกรณ์ ซึ่งจะช่วยเผยแพร่งานด้านสหกรณ์และขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าของสหกรณ์ให้เป็นที่รู้จัก ดังนั้น การที่สหกรณ์ ได้เข้าร่วมกับโครงการไมซ์เพื่อชุมชน นอกจากช่วยให้สมาชิกสหกรณ์มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่เป็นผลผลิตแล้ว ยังได้นำเสนอถึงชุมชนในพื้นที่ของสหกรณ์ที่มีความหลากหลายในเชิงอัตลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้มีหน่วยงานต่างๆ สนใจลงไปเยี่ยมชมกิจกรรมของสหกรณ์และเสริมสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนได้เพิ่มมากขึ้น ด้านนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ทีเส็บ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นปีที่ 2 มีสหกรณ์เข้าร่วมแล้ว 80 กว่าแห่ง ซึ่งแต่ละสหกรณ์ได้มีการพัฒนาและเตรียมความพร้อมในการรองรับการศึกษาดูงาน ทั้งในเรื่องห้องประชุม กิจกรรมสาธิต การนำเสนอสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ และหลายสหกรณ์มีจุดแข็งในเรื่องของวัฒนธรรม หรือความหลากหลายของกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น สหกรณ์ในตลาดคลองลัดมะยม แม้ไม่มีห้องสำหรับจัดประชุม แต่กิจกรรมของตลาดคือจุดขาย เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจให้คนเข้าไปเรียนรู้ดูงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทางทีเส็บ จะนำมาปรับให้เหมาะสมกับเป้าหมายของโครงการต่อไป รวมถึงจะขยายโครงการไปสู่จังหวัดที่เป็นเมืองรองด้วย เนื่องจากโครงการนี้เน้นการช่วยเหลือประชาชน สมาชิกสหกรณ์ หรือเกษตรกรในระดับฐานรากให้มีรายได้เพิ่ม ซึ่งในปีนี้ ทีเส็บ จะมีการทำประชาสัมพันธ์ไปยังองค์กรและหน่วยงานต่างๆ เพื่อเชิญชวนเข้าไปจัดกิจกรรมศึกษาดูงานในสหกรณ์ให้มากขึ้น “ทีเส็บ หวังว่าในปี 2562 นี้จะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านคน และสร้างเงินหมุนเวียน ในการท่องเที่ยวประมาณ 117,301 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกสหสกรณ์ได้จริงตามนโยบายของรัฐบาล”นายจิรุตถ์ กล่าว นายยงยุทธ์ ซื่อสัตย์ ประธานสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด จังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ได้ร่วมงานกับไมซ์เพื่อชุมชนในปีแรกของโครงการ เห็นว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ และช่วยทำให้สหกรณ์จัดกิจกรรมการเรียนรู้ดูงานสำหรับผู้สนใจ ได้ดีขึ้นเป็นระบบมากขึ้น จากเดิมก็มีคนมาเยี่ยมสหกรณ์นี้มากอยู่แล้ว แต่เป็นเหมือนการแวะมาชม ชิม ช็อป แล้วเดินทางกลับ ไม่ได้มีกิจกรรมที่เป็นส่งเสริมเรื่องเรียนรู้และเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งภายหลังจากที่ทีเส็บ ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีในการจัดกิจกรรมศึกษาดูงานให้น่าสนใจ การถ่ายทอดความรู้ และการให้บริการแก่หน่วยงานต่างๆ ทำให้ในปีที่ผ่านมามีหน่วยงานเข้ามาดูงานมากขึ้นและประทับใจกับกิจกรรมของสหกรณ์ โดยสหกรณ์ได้มีการประสานกับหน่วยงานที่จะเข้ามาดูงาน เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่สนใจจะมาเยี่ยมชม ทางสหกรณ์ก็จะจัดเตรียมสถานที่ กำหนดกิจกรรมและหาวิทยากรให้ตรงกับความต้องการของหน่วยงานนั้นๆ ทำให้เกิดความประทับใจ ทั้งแขกผู้มาเยือนและสหกรณ์ซึ่งเจ้าของบ้านที่ให้การต้อนรับ “หลังจากเข้าร่วมโครงการไมซ์เพื่อชุมชนทำให้มีหน่วยงานเข้ามาดูงานที่สหกรณ์หุบกะพงเพิ่มมากขึ้น หลายหน่วยงานสนใจดูงานแตกต่างกันไป เช่น สนใจเรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว การผลิตของใช้ในครัวเรือน หรือสนใจดูวิธีการจักสานผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์ ทางสหกรณ์พาไปดูตั้งแต่การปลูกต้นป่านศรนารายณ์ การขูดเปลือกเพื่อให้เป็นเส้นป่าน การย้อมสี การถัก ไปจนถึงการขึ้นรูปเป็นกระเป๋าหรือหมวก และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเมื่อมีคนให้ความสนใจมาเยี่ยมชมมากขึ้น ส่งผลทำให้สมาชิกก็มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะชาวบ้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่อยู่บ้านสามารถรับป่านไปถักเป็นเปียเพื่อมาจักสานเป็นกระเป๋าได้ ทำให้มีรายได้และมีความสุขเพิ่มมากขึ้น“ นายสันติ ขจรเวชไพศาล ประธานสหกรณ์นิคมชุมแสงจันทร์ จำกัด จังหวัดระยอง กล่าวว่า สมาชิกสหกรณ์มีโอกาสมีรายได้เพิ่มจากโครงการไมซ์เพื่อชุมชน เพราะสามารถนำผลผลิตที่มีในสวน ทั้งทุเรียน ผัก ผลไม้ และสินค้าแปรรูปที่ทำขึ้นเองและมีรสชาดดีเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนมาจำหน่ายกับผู้ที่มาศึกษาดูงานและเยี่ยมชมกิจกรรมของสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีโครงการนี้เข้ามา หน่วยงานที่จะมาดูงานที่สหกรณ์นิคมชุมแสงจันทร์ส่วนใหญ่เป็นสหกรณ์ด้วยกันที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ ยังไม่ค่อยมีภาคเอกชน หรือบริษัทเข้ามามากนัก ดังนั้น การเข้าร่วมโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้สหกรณ์ได้ต้อนรับผู้ที่จะเข้ามาศึกษาดูงาน โดยมีทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ซึ่งสหกรณ์จะปรับกิจกรรมการดูงานให้สอดคล้องกับที่หน่วยงานต้องการ และจะประชาสัมพันธ์ผ่านทางออนไลน์เพื่อให้คนได้รับทราบว่าทางสหกรณ์พร้อมให้การต้อนรับทุกหน่วยงานที่สนใจจะมาเยี่ยมชม ที่ผ่านมา มีความประทับใจที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะแม้ว่า จะไม่สามารถวัดได้ว่ารายได้ของสหกรณ์เพิ่มขึ้นหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับสมาชิกของเราสามารถจำหน่ายผลผลิตและสินค้าที่เขามีอยู่ ทำให้มีรายได้เพียงพอสำหรับเลี้ยงครอบครัว ปัจจุบันโครงการไมซ์เพื่อชุมชน มี 5 เส้นทางนำร่อง คือ สหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จำกัด จังหวัดเพชรบุรี สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด จังหวัดสระบุรี สหกรณ์โคเนื้อมหาวิทยาลัยเกษตรกำแพงแสน จำกัด และสหกรณ์โคนมนครปฐม จำกัด จังหวัดนครปฐม สหกรณ์นิคมวังไทร จำกัด และสหกรณ์นิคมชุมแสงจันทร์ จำกัด จ.ระยอง ซึ่งเป็นสหกรณ์ที่มีความพร้อมสำหรับการเป็นแหล่งศึกษาดูงาน จัดประชุมและการจัดกิจกรรมในชุมชน ให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่สนใจได้แวะเวียนไปเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกับคนในชุมชนและสหกรณ์ เพื่อช่วยกันต่อยอดความคิด ชีวิตและวิถีชุมชนให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนของโครงการไมซ์เพื่อชุมชน