ประชาชนวิงวอนให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องช่วยเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปในเขื่อนป่าสักฯ ที่ถูกน้ำท่วมมาเป็นเวลานานขึ้นมาไว้บนที่ที่เหมาะสม หลังน้ำลดเห็นแล้วรันทดที่ถูกแช่ไว้นาน เห็นแล้วชาวพุทธน้ำตาไหล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี หลังทราบข่าวว่ามีประชาชนต่างพากันหลั่งไหลไปชมซากปรักหักพัง ของวัดหนองบัว(ใหญ่) ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี นักท่องเที่ยวไปชมซากวัดครั้งในอดีตที่เคยเป็นวัดที่พุทธศาสนิกรชนพากันกราบไหว้ ภายหลังได้มีโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สร้างขึ้นตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2532 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ และบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2541 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามเขื่อนแห่งนี้ว่า "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" อันหมายถึง "เขื่อนแม่น้ำป่าสักที่เก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ" เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน มีขนาดความจุ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรมในเขตพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดสระบุรี ได้ถึงจำนวน 159,500 ไร่ และเป็นแหล่งน้ำเสริมให้แก่พื้นที่ชลประทานเดิมในทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ประมาณ 2,015,800 ไร่ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรม ซึ่งมีปริมาณใช้น้ำโดยเฉลี่ย 260,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อีกทั้งยังสามารถบรรเทาอุทกภัยให้กับพื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก และพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน เช่น จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาซึ่งมีความหลากหลายของพันธุ์ปลา ประมาณ 130 ชนิดพันธุ์ ทำให้เป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญของประเทศ ที่สร้างอาชีพและรายได้อันเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ 16 ปีที่ผ่านมา แต่ก่อนที่จะมีการเก็บกักน้ำได้มีคำสั่งจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีในสมัยนั้น ไห้ทุกตำบลได้มีการเคลียพื้นที่ที่เป็นวัดให้เรียบร้อย และอย่าให้เกิดมีผลกระทบด้านจิตใจของประชาชน ด้านนายณรงค์ คณาฤทธิ์ อดีตกำนันตำบลมะนาวหวาน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สมัยนั้นได้มีคำสั่งจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยที่มีการดำเนินการโครงการเขื่อนป่าสักฯ ได้มีคำสั่งให้เคลียด้านวัตถุวัดทุกตำบล และ อย่าให้เกิดผลกระทบด้านจิตใจของประชาชนที่จะมีผลกระทบน้ำจะต้องท่วมบริเวณวัดแต่ละวัด ตนในฐานะผู้นำก็ได้ดำเนินการเคลียเรียบร้อยทุกวัดไม่ให้เกิดผลกระทบด้านจิตใจของประชาชน พระพุทธรูปก็ได้นำเอามาไว้ตามวัดที่ไม่มีน้ำท่วม แต่ตำบลอื่นตนไม่รู้ไม่ขอพูด นายณรงค์ คณาฤทธิ์ กล่าว ผู้สื่อข่าวรานอีกว่า ขณะนี้ประชาชนที่แห่กันไปชมซากวัตถุวัดแห่งนี้แล้ว บางคนก็บอกว่า ภาพแบบนี้หาดูได้ยาก ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวัดสวยงาม แต่ตอนี้ก็ได้กลับมาเห็นอีกครั้งหนึ่ง แต่ภาพที่ประชาชนรนทดมากที่สุดก็เห็นจะเป็นภาพพระพุทธรูป ที่เหลืออยู่องค์หนึ่ง ที่ศีรษะได้ถูกตัดออกจนเหลือแต่องค์พระ และยังคงตั้งตระหง่านอยู่กลางเขื่อนแบบนี้ เวลาน้ำท่วมท่านก็จะต้องจมอยู่ใต้บาดาล พอน้ำแห้งเราก็จะได้เห็นท่าน เห็นแล้วนึกสงสารและรดทดเสียเหลือเกิน จึงอยากจะวิงวอนเจ้าของพื้นที่ไม่ว่า กำนัน , นายกตำบลหนองบัว,หรือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เจ้าของพื้นที่รองนำท่านขึ้นมาบูรณะและเก็บไว้ที่เหมะสมจะดีกว่าไหม อย่าให้ชาวโลกรับรู้เลยว่าประเทศไทยเมืองพุทธ ได้ละเลย หรือขาดการเหลียวแลอีกเลย ประชาชน ที่มาเที่ยวกล่าวกับผู้สื่อข่าว