เร่งรัดเบิกจ่าย-ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “สศค.”หวังเม็ดเงิน 3.16 แสนล้านดันจีดีพีโตทะลุ 3% หลังสงครามการค้าทำส่งออกวูบ กดดันเศรษฐกิจถดถอย นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง กระทรวงการคลังได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมาจึงได้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 62 และรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ รวมถึงการบรรเทาค่าครองชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง และเกษตรกรรายย่อย ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในวันนี้แล้ว คาดว่าจะมีเม็ดเงินพร้อมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทันทีในเดือน ส.ค.62 โดยจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาชะลอตัว ทำให้รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการเพื่อประคองเศรษฐกิจไทยให้ยังเดินหน้าต่อได้ โดยคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 62 วงเงินดำเนินการ 3.16 แสนล้านบาทนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวเพิ่มได้อีก 0.5% และเชื่อว่ามีโอกาสและความเป็นไปได้สูงที่สิ้นปีจีดีพีจะขยายตัวได้ถึง 3.5% “สศค.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 62 จะขยายตัวได้ 3% กรอบ 2.8-3.2% ชะลอตัวลงจากปี 61 ที่ขยายตัวได้ 4.1% จากปัจจัยอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัวลงเป็นสำคัญ อันเป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงการตอบโต้ทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปีนี้มีแนวโน้มหดตัวลง -0.9% กรอบ -1.1 ถึง -0.7% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.4%” ขณะที่ในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะขยายตัวมากกว่าปีก่อนที่ 40 ล้านคน จากคาดการณ์เดิมที่ 38.3 ล้านคน เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายระยะเวลามาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) ส่วนการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ 4.1% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.6% จากผลกระทบที่ส่งผ่านจากอุปสงค์ภายนอกที่ลดลง แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นตามการจ้างงาน และรายได้ของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการสวัสดิการต่างๆผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนการลงทุนภาคเอกชน คาดว่าปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.6%จากคาดการณ์เดิมที่ 3.9% สอดคล้องกับการลงทุนภาครัฐที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.6% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.3% ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ จะอยู่ที่ 1% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 0.8-1.2% ปรับตัวลดลงจากปีก่อนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลง ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 33.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 6.1% ของจีดีพี สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศนั้น คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้จะอยู่ที่ 1% กรอบ 0.8-1.2% ลดลงจากปีก่อนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลง ขณะที่เสถียภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 33.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 6.1% ของจีดีพี