สุดจะทนหญิงสาวและครอบครัวออกมาขอความช่วยเหลือ ญาติซึ่งเป็นน้องชายพ่อติดกาวงอมแงมมา 10 ปี อาการยิ่งหนักทำร้ายแม่และชาวบ้าน หวาดกลัวกันทั้งซอยจนหลายคนต้องย้ายหนี ส่งไปบำบัดก็กลับมาติดอีกจนปัญญาที่จะแก้ไข เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางช่วยเหลือ วันนี้(20 ส.ค.) ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่า น.ส.สุวิมล ปิยวรรณสกุล อายุ27 ปี หรือโบ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวเพื่อขอความช่วยเหลือเนื่องจากครอบครัวของเธอเดือดร้อนและกดดันอย่างหนักจากญาติซึ่งเป็นอา ติดกาวงอมแงมมากว่า10ปี และทำร้ายแม่ของเธอรวมทั้งผู้คนในซอยเดือดร้อนกันไปทั่วจนบางคนต้องย้ายบ้านหนีแม้จะเคยติดคุกมา2ครั้งและส่งไปบำบัดแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้และพบกับ น.ส.สุวิมล ปิยวรรณสกุล อายุ 27 ปี หรือโบ ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 176/24 ซอย 7 ถนนศุภสารรังสรรค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และขณะที่ลงพื้นที่ก็ได้มีตำรวจสายตรวจลงไปดูแลที่บ้านเธอด้วยเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากถูก นายฐานัน แซ่เฮง หรือตี๋ อายุ 36 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ใช้กระเบื้องมาขว้างใส่บ้านและพยายามทำร้ายคนในบ้านสดๆร้อนๆและได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หาดใหญ่ แต่ตัว นายตี๋ ได้หนีไปแล้ว เนื่องจากชาวบ้านได้ลงมาช่วยกันไล่ เธอได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นายฐานัน หรือตี๋ติดกาวงอมแงมมา10 ปีไม่ทำงานทำการอะไร และที่ผ่านมาญาติพี่น้องก็พยายามช่วยกันดูแลโดยให้อาศัยอยู่ในข้างซอกบ้านและให้เงินใช้ ที่ผ่านมาก็เคยพาไม่บำบัดมาแล้ว 1 ครั้งแต่ก็กลับมาเหมือนเดิม หนักสุดเคยใช้มีดแทงแม่ค้าเพราะโกรธที่ขอเงินไม่ได้จนติดคุก 1 ปี และเคยทำร้ายแม่ตนถึง 2 ครั้ง แต่ช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ เมากาวอย่างเดียว ถือไม้หน้าสามที่ที่มีตาปู เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาหน้าบ้านตลอด สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในซอยซึ่งมีอพาร์ทเม้นอยู่ด้วยหลายคนต้องย้ายออก ญาติพี่น้องก็หวาดระแวงกลัวว่าจะถูกทำร้าย แม้แต่ไปรษณีย์ก็ยังไม่กล้าเข้ามาในซอยนี้เพราะกลัวจะถูกทำร้าย ที่สำคัญนายตี๋ จะอาฆาตแค้นและจำคนที่พูดไม่ดีหรือเคยขู่ทำร้ายเขาได้ทุกคน โบ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยแจ้งตำรวจให้มาจับซึ่งก็พบ อา นอนดมกาวอยู่แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากนักและไม่ได้จับกุมเพียงแค่ไล่ให้ไปดมที่อื่น ทำให้นายตี๋ ยิ่งได้ใจ ทำให้ขณะนี้ครอบครัวทุกใจมากไม่รู้จะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไรและกลัวว่าสักวันจะถูกทำร้ายหนักกว่านี้เพราะในทางกฏหมายแทบทำอะไรเขาไม่ได้ จะพาไปบำบัดก็กลับเหมือนเดิมและต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเพราะช่วงที่ส่งอาไปบำบัดเขาฉลาดมากค่าใช้จ่ายต่างๆได้สั่งให้มาเก็บจากที่บ้านทั้งหมด จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการกับ อาของตนไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามเพราะครอบครัวตนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วและสุดที่จะทน และหลังจากนี้หากอาของตนไปทำร้ายใครทางครอบครัวก็จะไม่รับผิดชอบอะไรแล้วขอให้สังคมเห็นใจครอบครัวตนด้วย