เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.บัญชา ศรีพัทยากร ผบก.สกส.บช.ปส.ร่วมกับ กอ.รมน.,ป.ป.ส.,ป.ป.ง. และกรมศุลกากร แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 1.5 ล้านเม็ด และไอซ์อีกจำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 150 ล้านบาท พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า คดีแรกจับกุม นายบัญชา โสภารัตกุลอายุ 32 ปี ชาว จ. แพร่ พร้อมของกลางยาบ้า 1,500,000 เม็ด,รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีดำ ทะเบียน บต 8262 แพร่ โทรศัพท์มือถือแบบ 2 ซิม 1 เครื่องสืบเนื่องจากตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามสืบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติดพบว่า มีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงราย นำมาส่งมอบให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง จึงดำเนินการสกัดกั้นและจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ริมถนนสายเอเซีย(32) ขาเข้ากรุงเทพฯ หน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี ต. น้ำตาล อ. อินทร์บุรี จ สิงห์บุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 1.5 ล้านเม็ด แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” คุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีก่อนไล่ตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติด และขยายผลจับกุมเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการต่อไป พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า คดีที่ 2 จับกุม นายมีชัย มนต์คาถา อายุ 46 ปี พร้อมของกลางไอซ์ 970 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สืบเนื่องจากฝ่ายสืบสวนตรวจพบข้อมูลของผู้โดยสารที่มีความเสี่ยงจะลักลอบนำยาเสพติดออกนอกประเทศไทย โดยจะเดินทางออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปส.1 เฝ้าระวังตรวจตราจนพบนายมีชัย กำลังเข้ารับการตรวจบัตรขึ้นเครื่อง จึงเชิญตัวไปตรวจค้น เมื่อปลดกระดุมกางเกงที่สวมใส่พบว่านายมีชัย สวมกางเกงในสองชั้น โดยชั้นในสุด มีผ้าอนามัยที่นำเส้นใยด้านในออกและบรรจุไอซ์ในถุงก้อนวงรี 25 ก้อน น้ำหนักรวม 370 กรัม นายมีชัยรับสารภาพอีกว่า ยังมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในช่องทวารหนักอีกจำนวน 41 ก้อน น้ำหนักรวม 500 กรัม รวมของกลางทั้งหมด 66 ก้อน หนัก 470 กรัม และได้เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 5-6 ครั้ง ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “พยายามนำออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า คดีที่ 3 จับกุม น.ส.วีรนุช วรรณแสง อายุ 27 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาในเครือข่ายยาเสพติดพีอาร์เงินล้าน สืบเนื่องจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้เปิดยุทธการ “สยบไพรี 62/2 เครือข่าย PR เงินล้าน” ติดตามจับกุมนายเอกนิธิ กอบชัยณรงค์ และ น.ส.หนึ่งฤทัย ภาคพูลไทร พร้อมยาบ้าประมาณ 294,000 เม็ด,ไอซ์ จำนวนประมาณ 6,700 กรัม และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจาหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดีตามคดีอาญาที่ 23/2561 กระทั่งขยายผลจับกุมนายประสงค์ มณีจิตต์ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 24 ล้านบาท ได้ในห้วงเมื่อวันที่ 8-23 พฤศจิกายน ปี2561 ที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 สามารถติดตามจับกุม น.ส.วีรนุช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 529/2561 ซึ่งทำหน้าที่ด้านการเงินและส่งมอบยาในเครือข่ายดังกล่าวโดยจับกุมได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หลังหลบหนีการจับกุมก่อนแปลงโฉมศัยกรรมใบหน้าเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ จึงคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวถึงกรณีมียาบ้ารูปแบบใหม่ที่มีลักษณะอัดเป็นแผ่นซุกซ่อนไว้ในเสื้อ ที่ถูกตรวจพบว่ามีผู้นำเข้ามาใน จ.เชียงราย ว่า วัตถุดังกล่าวนั้นเป็นสารเสพติดประเภท 1 หรือ เมทแอมเฟตามีน ซึ่งออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งอาจนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตเคตามีนหรือไอซ์ โดยคาดว่านำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแม้จะมีเพียง 6 กิโลกรัม แต่ก็ไม่เคยพบมาก่อน โดยจะต้องใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์มาร่วมตรวจสอบว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง และต้องสอบถามผู้ต้องหาอีกครั้งว่าจะนำไปทำอย่างไรต่อไป พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวถึงมีการขนยาเข้าประเทศญี่ปุ่นที่เพิ่มมากขึ้นว่า ทางตำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสกัดกั้นไม่ให้มีผู้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานนำยาเสพติดออกไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งตอนนี้เองก็มีข้อมูลว่ามีไกด์นำเที่ยว ลักลอบนำยาเสพติดออกไปเองก็มี แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ ส่วนประเด็นที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีแนวคิดที่จะให้เปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. นั้น ตำรวจมีความพร้อมและไม่มีปัญหาเรื่องการเข้าตรวจตรา โดยจะทำอย่างเต็มที่ตลอดเวลา