นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กเรื่อง 'eecประเด็นที่จะต้องขับเคลื่อนและต่อยอด' โดยสุพจน์ อาวาส ลงวันที่18 สิงหาคม 2562 ความว่า...
(.). eec ประเด็นที่จะต้องขับเคลื่อนและต่อยอด 1. ตรวจสอบการระบายสีผังเมืองเสียใหม่เพราะในเบื้องต้นได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าพื้นที่บริเวณตำบลเขาดินได้ถูกเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงโดยไม่ได้มีการผ่านกระบวนการทำประชาคม 2. ป้องกันมิให้ผู้เช่าและเจ้าของที่ดินสูญเสียที่ดินไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตรวจสอบสารบบที่ดินว่าชื่อในโฉนดหรือเอกสารสิทธิที่ดินเป็นครองใคร ? มีการถือแทนกันหรือไม่? 3. แยกพื้นที่การเกษตรออกจากภาคอุตสาหกรรม เพราะกิจการอุตสาหกรรมและการเกษตรในทุกประเทศที่พัฒนาแล้วและถูกต้องเหมาะสม จะต้องมีการแยกส่วนกันอย่างชัดเจน และกำหนดให้พื้นที่ที่มีศักยภาพทางการเกษตร เช่นพื้นที่ตำบลเขาดิน หรือ พื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ eec เป็นพื้นที่การเกษตรเฉพาะทาง รวมถึง มีการนำวิธีการ หรือ แนวคิดต่างๆ เช่น ปรัชญาและวิธีการของเศรษฐกิจพอเพียง การเกษตรผสมผสาน เกษตรกรรมสร้างสรรค์ ฯลฯ มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ ดังกล่าว เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งเป็นแหล่งทนุอนุบาลและเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาน้ำจืดเพื่อส่งไปจำหน่ายให้กับภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ และมีหลักฐานเป็นเชิงประจักษ์ว่าร้อยละ 70 ของปลาน้ำจืดได้มีการเลี้ยงและผลิตส่งไปจากพื้นที่บริเวณนี้ 4. มีการทบทวนและแก้ไขการกำหนดนโยบายรัฐบาลที่มีผลกระทบกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ ำและเพื่อประโยชน์ให้กับนายทุน รวมถึงการยกเว้นภาษีและสิทธิประโยชน์ให้กับบริษัทหรือกิจกรรมต่างประเทศที่มีวงเงินไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท 5. ทบทวนการนำปัจจัยที่มาใช้ในการคำนวณ GDP และให้หาวิธีการในการกำหนดหรือนำดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่นำข้อมูลทางการเงินและวิธีการได้มาซึ่งรายได้ในระดับฐานราก หรือ ผลผลิตทางการเกษตรมาคิดคำนวณด้วย เพราะที่ผ่านมามีการนำตัวเลขดังกล่าว มาคิดคำนวณเพื่อมาชดเชยรายได้ภาคการส่งออกที่ตกต่ำและถดถอยลงไปเรื่อยๆ 6. ทบทวนและแก้กฎหมาย eec ที่ขัดและแย้งกับกฎหมายอื่น เพราะให้อำนาจคณะกรรมการ eec กระทำการได้แต่เพียงลำพัง และพบว่าโครงสร้างของคณะกรรมการมีเฉพาะกลไกภาครัฐเป็นกรรมการและไม่มีตัวแทนภาคประชาชน หรือ ผู้มีส่วนได้เสียร่วมเป็นกรรมการ 7. ต้องมีการทบทวนและศึกษา ตลอดจน ป้องกันมิให้ eec เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในลักษณะเดียวกันกับโครงการมาบตาพุด 8. รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพในการจัดเวทีสาธารณะ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพราะโครงการ eec กระทบกับชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาศัยและทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมาหลายชั่วอายุคน 9. มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดสรรพื้นที่เพื่อเป็น buffer zone ระหว่างเขตอุตสาหกรรมและเขตเกษตรกรรมตามหลักการเศรษฐกิจพอเพียง 10. รัฐต้องมีมาตรการและกลไกป้องกันมิให้ตัวแทนหรือผู้เห็นต่างกับรัฐถูกกระทำ หรือ ถูกทำร้าย เพราะที่ผ่านมามีการกระทำและเหตุการณ์หลายอย่าง ที่มุ่งเอาชีวิตกับแกนนำ หรือ ตัวแทนชาวบ้านที่เห็นต่างจากภาคธุรกิจ 11. มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นเพื่อตรวจสอบโครงการ eec และโครงการรถไฟความเร็วสูง ตลอดจนการใช้ประโยชน์ของที่ดิน 12. ต้องสร้างบรรยากาศที่สร้างสรรค์ในเชิงวิชาการ และรณรงค์ หรือ ส่งเสริมให้นักวิชาการออกมาแสดงความคิดเห็นหรือให้ข้อเท็จจริงที่สร้างสรรค์ต่อการขับเคลื่อนโครงการ eec และต้องระงับยับยั้งมิให้นักวิชาการ หรือสถาบันการศึกษาตกเป็นเครื่องมือ หรือ ผู้รับใช้และ "ฟอกขาว" โครงการ eec เพื่อนายทุน หรือ นักธุรกิจ หรือ "อุตสาหกรรมสกปรก"