วันที่ 19 ส.ค.62 พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวในงานครบรอบวันคล้ายวันสถาปนา 20 ปี สำนักงาน ปปง. ว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ถือเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุน ทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาล ให้ความสำคัญ โดยตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงได้กำหนดให้การฟอกเงินและการก่อการร้ายเป็นปัญหาความมั่นคงในปัจจุบันที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง รวมทั้งป้องกันไม่ให้ปัญหาใหม่เกิดขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการและการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ซึ่งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอย่างจริงจังและเข้มข้น มีการพัฒนารูปแบบการดำเนินการ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย รวมทั้งยกระดับความร่วมมือในการบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สำนักงาน ปปง. ยังมีฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน การต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Anti – Money Laundering and Combating the Financing of Terrorism (AML/CFT)) ของประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมาสำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินบทบาทอย่างเข้มแข็ง ส่งผลให้การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของประเทศไทย มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีพัฒนาการในการดำเนินงานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้จากผลการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลในครั้งที่ผ่านมาที่ประเทศไทยสามารถ ยกระดับผลการประเมินด้านกรอบกฎหมายและด้านประสิทธิผลได้อย่างมีนัยสำคัญ ในปีที่ 20 สำนักงาน ปปง. สามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมมูลค่า 3,128,046,262.98 บาท ในรายคดีสำคัญ เช่น รายคดี บริษัท เมจิก สกิน จำกัด (ยึดอายัด 69 ล้านบาทเศษ) / รายคดีเรือฟีนิกซ์ (ยึดอายัดสิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันภัย 17 ล้านบาทเศษ)/ รายคดีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว แบบรัฐต่อรัฐ (ยึดอายัดประมาณ 52 ล้านบาท) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการ การทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือและคืนเงินให้กับผู้เสียหาย เช่น รายคดี นายชิงตวน จาง ซึ่งถือเป็นการร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย – จีน ในการประสานงานและดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนจนนำไปสู่การส่งมอบเงินคืนให้ผู้เสียหายที่เป็นชาวจีน โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐบาลไทยส่งมอบเงินในครั้งแรกมูลค่า 356 ล้านบาท และจะมีการส่งมอบเงินคืนในครั้งที่สองซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการขายทอดตลาดตามกฎหมาย นอกจากนี้สำนักงาน ปปง. ได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันการเงินผ่านศูนย์ประสานงานเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ศปก.ปปง.) ในการช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกหลอกในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำไปสู่การคืนเงินให้กับผู้เสียหายมูลค่ารวมกว่า 26 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการยับยั้งและตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ และจากผลการดำเนินงานซึ่งปรากฏเป็นที่ประจักษ์ดังกล่าว ทำให้สำนักงาน ปปง. เป็นหน่วยงานที่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งเป็นผลมาจากความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ สุจริต และอุทิศตนของบุคลากรสำนักงาน ปปง. ทุกท่าน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่เป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและอาชญากรรมการฟอกเงิน รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นการดำเนินการด้านกระบวนการยุติธรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ การฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ และการดำเนินมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมถึงการมุ่งเน้นมาตรการเชิงป้องกันเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดใช้สถาบันการเงินและกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจเป็นเครื่องมือหรือช่องทางในการฟอกเงิน เพื่อประโยชน์ ของประเทศชาติและประชาชน และตามนโยบายของสำนักงาน ปปง. ที่ว่า ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องตกเป็นของแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยกฎหมายฟอกเงิน ในอนาคตที่ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 สำนักงาน ปปง. ยังคงมุ่งเน้นการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้มีมาตรฐานเป็น ที่ยอมรับในระดับสากลตามวิสัยทัศน์สำนักงาน ปปง. ที่ว่า “องค์กรที่เป็นมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับสากล” ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยใดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือพบเห็นผู้ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงาน ปปง. ได้ที่สายด่วน ปปง.1710