ตั้งแต่ตี 4 คืนวันที่ 12 ส.ค.ถึงรุ่งเช้าวันที่ 13 ส.ค. อัตราตกสูงสุด 100 ดวง/ชั่วโมง สังเกตได้บริเวณท้องฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ต้องไม่มีแสงไฟรบกวน มองได้ด้วยตาเปล่า นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids Meteor Shower) สามารถสังเกตเห็นได้ในช่วงระหว่างวันที่ 17 ก.ค. - 24 ส.ค.ของทุกปี มักมีอัตราการตกสูงสุดในคืนวันที่ 12-13 ส.ค. จึงได้รับสมญาว่าเป็น “ฝนดาวตกวันแม่” สำหรับปี 62 ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ มีอัตราการตกสูงสุดในคืนวันที่ 12 ส.ค. ถึงรุ่งเช้าวันที่ 13 ส.ค. คาดว่าจะมีอัตราการตกสูงสุดประมาณ 100 ดวงต่อชั่วโมง มีศูนย์กลางการกระจายอยู่ในกลุ่มดาวเพอร์เซอุส บริเวณท้องฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เนื่องจากคืนดังกล่าวมีแสงจันทร์รบกวน ดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้า เวลาประมาณ 04:00 น. ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมแก่การสังเกตการณ์ที่สุดคือ ตั้งแต่ตี 4 จนถึงรุ่งเช้า ผู้สนใจชมปรากฎการณ์ฝนดาวตกควรเลือกสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน สามารถดูได้ด้วยตาเปล่า ไม่จำเป็นต้องมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ และมองเห็นได้ทั่วประเทศ ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์เป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างเป็นอันดับสองรองจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ มีสีสันสวยงาม เกิดจากเศษฝุ่นละอองที่ดาวหางสวิฟท์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) เหลือทิ้งไว้ในวงโคจร เมื่อโลกโคจรตัดผ่านเข้าไปในบริเวณที่มีเศษฝุ่นดังกล่าว จะดึงดูดเศษฝุ่นเหล่านี้เข้ามาในชั้นบรรยากาศ เกิดการลุกไหม้ เป็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไม่มีผลกระทบต่อโลก