จากกรณีระเบิดป่วนเมือง เพจ Peace News ได้โพสต์ข้อความ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ลมหายใจ พีซทีวี ความว่า ...
บึ้ม!เป้าหมายการเมือง ไม่เอาแพะ อย่าหยิบฉวยมาสร้างสถานการณ์การเมือง ถวายสัตย์ไม่ครบ ไม่แจงที่มารายได้ ขัด รธน. เจอสะดุดขาตัวเองแน่ ปลุกประชาชนมุ่งแก้ รธน. จตุพร เผย ระเบิดทั่ว กทม.เป้าหมายทางการเมือง ขอตำรวจสอบสวนตรงไปตรงมา เตือน อย่าบอกว่าปฏิบัติการข้ามจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากรุงเทพ หวั่น กระทบเศรษฐกิจย่อยยับ ชี้ นายกถวายสัตย์ไม่ครบ แถลงนโยบายไม่แจงที่มารายได้ ผิด รธน. คาด รบ.สะดุดขาตัวเอง ยัน มุ่งแก้ รธน. เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในรายการ ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ว่า วันนี้ตนจะมาวิเคราะห์เรื่อง การเมืองว่าด้วยเรื่องระเบิด ซึ่งเป็นหัวข้อที่ประชาชนคนไทยได้ติดตามสถานการณ์ในช่วง 2 ถึง 3 วันที่ผ่านมาว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วสถานการณ์ของประเทศจะนำไปสู่อะไร มีการหยิบยกเทียบเคียง 2 กรณีจากผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่ามีลักษณะเหมือนปี 2549 และปี 2557 นายจตุพร กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ กรณีระเบิดที่เกิดขึ้นได้ถูกหยิบฉวยเป็นเครื่องมือทำลายทางการเมืองกันมาโดยตลอด ไม่ได้มีแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างที่ควรจะเป็น เหตุการณ์ระเบิดเมื่อปี 2549 เกิดขึ้นวันที่ 31 ธันวาคม เวลา 6โมงเย็น หลายจุดทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งเกิดขึ้นหลังยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้แม้แต่เพียงคนเดียว มีการออกหมายจับชายไทยไม่ทราบชื่อ ไม่ทราบหน้า ดังนั้น จึงเป็นการวางระเบิดที่มีความมุ่งหมายไม่ได้เอาชีวิตใคร แต่มีความประสงค์ต้องการผลลัพธ์ทางการเมือง แต่ว่า ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็รับชะตากรรมจำนวนหนึ่ง นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนปี 2557 ก็เช่นกัน เกิดระเบิดขึ้นในทางภาคใต้ มีการจับกุมบุคคลส่วนใหญ่ชราภาพ ท้ายที่สุดก็มีการปล่อยตัวออกไป แต่ในระหว่างนั้น แต่ละฝ่ายก็ต่างหยิบฉวยมาว่า ฝ่ายตรงข้ามต้องการสร้างสถานการณ์ให้กับตัวเอง เช่น ฝ่ายรัฐบาลก็บอกว่า ฝ่ายตรงข้ามสร้างสถานการณ์เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ส่วนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็บอกว่า รัฐบาลสร้างเรื่องเพื่อกลบข่าว และทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด มักจะเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ก็ไม่ได้ใช้วิธีตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ใช้ในการพิสูจน์หลักฐานอย่างตรงไปตรงมา “เพราะเป้าหมายของระเบิด คือต้องการอนุภาพทางการเมืองมากกว่าความมุ่งหมายชีวิต กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดก็เช่นเดียวกัน” นายจตุพรกล่าว นายจตุพร กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ควรจะมาทำกันอย่างตรงไปตรงมากันสักครั้ง ทั้งรัฐบาล ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาจะได้หรือไม่ ไม่เอาแพะ ไม่สร้างสถานการณ์ทางการเมือง เพื่อจะบอกว่านี่ไม่ใช่ระเบิดทางการเมือง รวมทั้ง ต้องระมัดระวังให้มากก็คือ หากบอกว่าผู้กระทำการ มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยิ่งไปกันใหญ่ หากชี้ว่า การปฏิบัติการได้ข้ามจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จะส่งผลให้เศรษฐกิจที่แย่อยู่แล้วจะย่อยยับมากกว่านี้ ขณะที่ รัฐบาลก็ไม่ต้องไปแทรกแซง ควรปล่อยให้ตำรวจดำเนินการสอบสวนตรงไปตรงมาตามกระบวนยุติธรรม ผู้ตรงสงสัยก็ได้รับสิทธิการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำนี้ “มิฉะนั้น สถานการณ์ทางการเมืองเรื่องนี้ จะถูกหยิบฉวยมาใช้งานท่ามกลางความหายนะของประเทศ เพราะฉะนั้น บทเรียน ปี 2549 พอเกิดระเบิดขึ้น ก็โยนไปให้อีกซีกหนึ่งเป็นพวกกระทำการ หน่วยโฆษณาก็ยัดเหยียดให้อีกฝ่ายหนึ่งทันที ครั้งนี้ก็เป็นลักษณะเช่นนี้” นายจตุพรกล่าว นายจตุพร ยังกล่าวถึง การมองสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ว่า อย่างที่ตนเคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนแรกว่า ไม่ต้องทำอะไร และการที่เรายืนอยู่ ในฐานที่มั่นคงแข็งแรงนั้นสุดท้ายแล้วฝ่ายรัฐจะเป็นฝ่ายที่กระทำตัวเอง โดยเฉพาะ 2 หัวข้อใหญ่ในการแถลงนโยบายที่ทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ อาทิ รัฐบาลที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น จะต้องชี้แจงที่มาของรายได้ ว่านโยบายที่ประกาศกันมานั้นเอารายได้มาจากที่ใด แต่ปรากฎว่าการแถลงนโยบายที่ผ่านมาไม่ได้เขียนที่มาของรายได้ที่จะนำเอาไปทำนโยบาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายจตุพร ระบุว่า เรื่องคำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลนั้น ไม่ได้กล่าวอย่างครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ดังนั้น เมื่อมีการกล่าว คําปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน จึงกระทำการผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากเป็นรัฐบาลอื่น แค่ 2 หัวข้อดังกล่าวก็พ้นจากการเป็นรัฐบาลแล้ว อย่างไรก็ตาม จะต้องตั้งหลักให้มั่น เพราะหัวข้อหลักนั้นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ยังจะต้องมีความมุ่งมั่น เพราะตราบใดที่รัฐธรรมนูญปี 60 ไม่ได้รับการแก้ไข จะเลือกตั้งอย่างไรภายใต้ 5 ปีนี้ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยากกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขา ถ้ากระแสประชาชนไม่แรงจริงๆ” นายจตุพรกล่าว สำหรับบรรยากาศกิจกรรมต่อลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ที่ ร้านกาแฟพีซคอฟฟี่แอนด์ไลบรารี่ อิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 ซึ่งออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม พีซทีวี มีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และประชาชนมาพบปะพูดคุย ร้องรำทำเพลงสนุกสนานกันเป็นประจำทุกสัปดาห์ อีกทั้ง มีประชาชนคนเสื้อแดงนำผลิตภัณฑ์และอาหารมาจำหน่ายในราคาที่เป็นกันเอง
ขอบคุณข้อมูลและภาพ เพจ - Peace News