นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส เปิดเผยว่า เอไอเอสในฐานะ Digital Life Service Provider ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเกิดขึ้นของ Business Model ใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์ พร้อมยกระดับความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในทุกด้าน โดยปัจจุบันนวัตกรรม IoT ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Smart City ให้เกิดขึ้นจริง และเอไอเอสก็ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย นำ IoT โซลูชัน ไปเสริมศักยภาพการดำเนินงานขององค์กรมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ มอบความไว้วางใจเลือกใช้โซลูชัน NB-IoT Motor Tracker for UBI ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ของไทยวิวัฒน์ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่าย NB-IoT เมื่อมีการสตาร์ทและดับเครื่องของรถที่ทำประกันรถเปิดปิด ประกันนั้นก็จะเปิดและปิดให้โดยอัตโนมัติ ทำให้บริษัทประกันภัยได้รับข้อมูลที่มีความแม่นยำ ถูกต้อง และให้การดูแลลูกค้าขององค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ กล่าวว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์ในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้านการประกันภัย มีความตั้งใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัยเพื่อผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งความร่วมมือจากเอไอเอส ในการนำ NB-IoT Motor Tracker for UBI มายกระดับผลิตภัณฑ์ประกันรถเปิดปิดของเรา จากผู้ใช้งานแบบเดิม ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายไร้ความกังวล ใช้ชีวิตได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการอย่างมีอิสระ ทั้งยังเป็นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยยุคดิจิทัลอีกด้วย สำหรับโซลูชัน NB-IoT Motor Tracker for UBI จะทำงานโดยใช้เทคโนโลยีติดตามการทำงานของยานพาหนะบนเครือข่าย NB-IoT เมื่อมีการสตาร์ทรถยนต์ อุปกรณ์​ IoT จะส่งค่า Engine Start ผ่านแพลตฟอร์ม AIS IoT และมาประมวลผลยัง Thaivivat Server พร้อมแจ้งเตือนไปยังแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor เพื่อเริ่มต้นเปิดประกันภัยโดยอัตโนมัติ และเมื่อดับเครื่องยนต์ อุปกรณ์​ IoT ก็จะส่งค่า Engine Stop กลับมาอีกครั้ง เพื่อปิดประกันให้อัตโนมัติเช่นกัน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของประกันภัยไทยวิวัฒน์ไม่ต้องเสียเวลาเปิด-ปิดด้วยตัวเองอีกต่อไป ส่วนกรณีรถอยู่ในพื้นที่ห่างไกล อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลไว้ และเมื่อเชื่อมต่อสัญญาณ NB-IoT อีกครั้ง ก็จะส่งข้อมูลให้กับระบบทันที จึงได้ความแม่นยำและความถูกต้องของข้อมูลสูง ช่วยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองและจ่ายค่าเบี้ยประกันตามการใช้งานจริง ขับค่อยจ่าย ไม่ขับไม่ต้องจ่าย ประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไปได้ถึง 40% ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อประกันรถเปิดปิดดังกล่าวจะได้รับอุปกรณ์ NB-IoT Motor Tracker for UBI พร้อมอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานตลอดระยะเวลาเอาประกัน ได้ทันที! ติดตั้งง่ายเพียงเสียบอุปกรณ์เข้ากับ USB Port ในรถยนต์ก็พร้อมใช้งานทันที ถือเป็นการนำนวัตกรรมดิจิทัลที่ยกระดับผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้สนใจ NB-IoT Motor Tracker สำหรับลูกค้าองค์กรสามารถติดต่อได้ที่ Corporate Call Center โทร. 1149 หรือเว็บไซต์ http://business.ais.co.th/iot สำหรับลูกค้าทั่วไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/nbiotmotortracker