คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย ตั้งแต่บัดนี้จนถึงอีกสิบเดือนข้างหน้าการเมืองในสหรัฐอเมริกาจะทวีความเข้มข้นมากขึ้นทุกทีทุกที โดยพรรคเดโมแครตจะต้องทำการเลือกตัวแทนของพรรค 20 คน จากที่เคยมี 24 คนให้เหลือเพียง 1 คน เพื่อที่จะก้าวเข้าไปแข่งขันกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 2020 สำหรับผู้อยู่ในข่ายที่อาจจะมีสิทธิ์เข้าไปเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตได้แก่ อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน จากรัฐแมสซาชูเซตส์ วุฒิสมาชิกคามาลา แฮริส จากรัฐแคลิฟอร์เนีย และวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส จากรัฐเวอร์มอนต์ อย่างไรก็ตามอาจจะมีนักการเมืองม้ามืดตีนปลายมาแรงเข้าแซงในทางโค้งสุดท้าย อาทิเช่น นายกเทศมนตรีพีท บัตติเจ็ตต์ จากรัฐอินเดียนา หรืออาจจะเป็น วุฒิสมาชิกคอรี บุ๊คเกอร์ จากรัฐนิวเจอร์ซีย์!!! ส่วนใครจะกลายเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผ่านขบวนการหรือกลไกของพรรค โดยนักการเมืองทั้ง 20 คน จะต้องมีการโต้วาทีกันในรอบที่สองและรอบๆต่อไปอีกด้วย โดยฉบับนี้ผมใคร่จะมุ่งประเด็นไปเฉพาะการโต้วาทีของกลุ่มแรกสิบคน เมื่อวันอังคารที่เพิ่งผ่านมา ในรัฐมิชิแกน ส่วนกลุ่มที่สองที่โต้วาทีกันเมื่อวันพุธนั้น ผมจะขอยกไปวิเคราะห์ในสัปดาห์หน้า ในรายการโต้วาทีที่ใช้เวลาสองชั่วโมง ซึ่งจัดขึ้นโดยซีเอ็นเอ็นนั้น นักการเมืองแต่ละคนต่างโชว์กึ๋นงัดเอาความสามารถพร้อมด้วยลีลานำเสนอนโยบาย เพื่อใช้ดึงดูดใจบรรดาสมาชิกของพรรคเดโมแครต ส่วนการโต้วาทีครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนนั้น “วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนด์เดอร์ส” ทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อคืนวันอังคารนี้เขาได้เรียกเครดิตกลับคืนมากลายเป็นดาวการเมืองของพรรคเดโมแครต โดยยืนยันอย่างแข็งขันว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้เสนอร่างกฎหมาย (I wrote the damn bill: Medicare for All)” เพื่อต้องการให้อเมริกันชนทุกคนได้มีสวัสดิการด้านสุขภาพ อีกทั้งวุฒิสมาชิกแซนเดอร์สได้อ้างว่าทุกๆสำนักหยั่งเสียงต่างเปิดเผยว่า “หากมีการเลือกตั้งขึ้นในขณะนี้เขาก็สามารถจะเอาชนะประธานาธิบดีทรัมป์ได้อย่างแน่นอน”และจากการตรวจสอบของโพล Fox, NBC/WSJ และ CNN เมื่อเดือนเมษายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมนี้เป็นการยืนยันว่าเป็นข้อกล่าวอ้างที่ถูกต้อง และผู้ที่เป็นดาวรุ่งทางการเมืองเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมานี้อีกท่านหนึ่งก็คือ “วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน” ศาสตราจารย์ทางด้านกฎหมายจากฮาร์วาร์ดและอีกหลายๆสถาบันชั้นนำ โดยเธอได้ฉกฉวยโอกาสโจมตีประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งแต่นาทีแรกของการโต้วาทีครั้งนี้ว่า “ปัญหาต่างๆที่สหรัฐฯกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ล้วนแล้วแต่มาจากน้ำมือของประธานาธิบดีทรัมป์สร้างขึ้นแทบทั้งสิ้น” อีกทั้งเมื่อมีการถกเถียงกันในเรื่องปัญหาสวัสดิการด้านสุขภาพแทนที่วุฒิสมาชิกวอร์เรนจะถกเถียงกับเพื่อนๆสมาชิกในพรรคเดียวกัน เธอกลับนำเสนอนโยบายที่แตกต่างไปจากนโยบายของพรรครีพับลิกัน โดยเธอได้ชี้ว่า “คนอเมริกันทุกคนควรจะได้รับสวัสดิการด้านสุขภาพ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ต่างหากที่พยายามต่อต้าน” โดยเธอยังเสริมต่อไปอีกว่า “ดิฉันพร้อมแล้วที่จะโต้วาทีกับประธานาธิบดีทรัมป์” และเมื่อโอกาสของวุฒิสมาชิกวอร์เรนมาถึง เธอก็ได้นำเสนอทางออกอย่างเข้มข้นดังเช่น การปฏิรูปอิมมิเกรชั่น การปกป้องสิทธิของเด็กๆที่อยู่รอบๆชายแดนสหรัฐฯกับแม็กซิโกให้อยู่ในอ้อมอกของพ่อแม่ มิใช่ให้พวกเขาแยกจากกันและยังชี้ว่า “ดิฉันตระหนักถึงวิธีการต่อสู้และการได้รับซึ่งชัยชนะ” อย่างไรก็ตามทั้งวุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส และวุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน ต่างนำเสนอนโยบายที่คล้ายๆกันนั่นก็คือ ต้องการให้คนอเมริกันได้มีสวัสดิการด้านสุขภาพ และทั้งคู่ต่างก็แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับกลุ่มนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ และต่างก็มุ่งดึงดูดใจต่อบรรดากลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเห็นได้เป็นอย่างดีว่าทั้งสองต่างก็เป็นนักการเมืองที่มีคารมคมคาย และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งคู่ต่างวางตัวเป็นศัตรูกับประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งแต่เริ่มต้นมาโดยตลอด!!! ทั้งนี้ลีลาของทั้งสองนักการเมืองนี้เห็นได้อย่างเด่นชัดว่าระหว่างการโต้วาทีทั้งสองท่านนี้ต่างคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยต่างคนต่างใช้ไหวพริบและลีลาที่ไม่เหมือนนักการเมืองคนอื่นๆ อีกทั้งนักการเมืองทั้งสองพยายามหลีกเลี่ยงที่จะโต้แย้งซึ่งกันและกัน ซึ่งอาจจะสร้างความผิดหวังต่อผู้ชม เพราะผู้ชมรายการหวังที่จะเห็นสองนักการเมืองปะทะคารมสาดใส่กัน อีกทั้งวุฒิสมาชิกแซนเดอร์สระมัดระวังไม่ต้องการสร้างความผิดพลาดเพราะว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ คะแนนนิยมของเขาร่วงลงไปถึง 18% แต่ในทางกลับกันคะแนนนิยมของวุฒิสมาชิกวอร์เรนได้เพิ่มสูงมากขึ้น!!! ทั้งนี้วุฒิสมาชิกแซนเดอร์สได้ฉกฉวยโอกาสใช้เวลามากกว่านักการเมืองคนอื่นๆ โดยเขาได้กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีทรัมป์ในแทบทุกๆประเด็น และในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ปะทะคารมกับเพื่อนนักการเมืองคนอื่นๆอย่างเข้มข้นตลอดเวลา ส่วนการโจมตีประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับการเหยียดสีผิวนั้น นักการเมืองของพรรคเดโมแครตทั้งสิบคนต่างก็กล่าวประนามว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นพวกเหยียดสีผิวอย่างแท้จริง” ส่วนในประเด็นเรื่องกรณีการเหยียดสีผิวนั้น อาจจะเป็นแผนการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์ก็เป็นได้ เพื่อต้องการเอาใจต่อบรรดาคนผิวขาวในรัฐสำคัญๆอาทิเช่นรัฐมิชิแกน รัฐวิสคอนซินและรัฐเพนซิลเวเนีย รวมไปถึงคนผิวขาวที่ค่อนข้างมีการศึกษาน้อยไม่จบในระดับมหาวิทยาลัยอีกด้วย!!! สำหรับนโยบายของค่ายพรรคเดโมแครตที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากที่สุดในขณะนี้ได้แก่ ให้คนอเมริกันทุกๆคนมีสวัสดิการด้านสุขภาพ ให้ทุกๆคนได้เรียนฟรีในระดับมหาวิทยาลัย ยกเลิกเงินกู้ของนักศึกษาที่เป็นหนี้อยู่ นโยบายพลังงาน แก้ไขเรื่องปัญหาโลกร้อน เพิ่มภาษีกับคนร่ำรวย ลดหนี้สินรัฐบาลกลาง ปฏิรูปเกี่ยวกับอิมมิเกรชั่น และสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง!!! อย่างไรก็ตามนักการเมืองค่ายพรรคเดโมแครตพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ต้องการให้ประธานาธิบดีทรัมป์โจมตีกลับว่า “พวกเขาเป็นนักการเมืองค่ายปีกซ้าย” กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่า “วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส” และ “วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน” คงจะได้รับคัดเลือกเข้ารอบไปร่วมโต้วาทีในครั้งถัดๆไป และนักการเมืองทั้งสองท่านนี้ก็นับเป็นนักการเมืองดาวเด่นที่สร้างความหวังให้แก่พรรคเดโมแครตก็คงไม่ผิด และแน่นอนยิ่งนักที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ต้องการที่จะต่อปากต่อคำโต้วาทีกับสองนักการเมืองนี้ รวมไปถึง “รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน” หรือแม้กระทั่ง “วุฒิสมาชิกคามาลา แฮริส”อีกด้วยละครับ