ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสสังกัดสำนักข่าวเอพี โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า...
กอบกู้ศรัทธาต้องเลิกบิดเบือน เรื่องที่พลเอกประยุทธ์ถูกโจมตีในสภาโดยการบิดเบือนคำพูดว่า​ เตรียมตัวปฏิวัติมาสามปี ถือว่าเป็นการบิดเบือนที่เลวร้่ายเพราะทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าทหารหมกมุ่นอยู่แต่เรื่ิองปฏิวัติ ความจริงคนที่อยู่ในห้องประชุมสโมสรกองทัพบกวันที่​ 22 พ.ค. 57 ไม่กี่นาทีก่อนพลเอกประยุทธ์ประกาศว่า​ ขอโทษผมขอยึดอำนาจ ทุกคนที่ิอยู่ในห้องประชุมรู้ดีว่าพลเอกประยุทธ์พูดว่า​ ผมเตรียมตัวมาสามปี​ นั้นในบริบทอะไรและเหตุผลอะไรที่นักการเมือง​มาบิดเบือน ถ้าจำกันได้และไม่จงใจบิดเบือนในนาทีนั้นคู่ขัดแย้งตกลงกันไม่ได้​ นายวีระ มุสิกพงษ์​ นักการเมืองเจ้าวาทะกรรมพูดว่า​ เรื่ิอง​ความเชื่อทางการเมือง​ เหมือนอุดมการณ์ความเชื่ิอทางศาสนา​ เชื่อแล้วยากเปลี่ยนแปลงได้​ ทหาร​อย่าเข้ายุ้งมาแทรกแซง​ ที่ทหารเข้ามาจัดการวุ่นวายเวลานี้เหมือนลุยน้ำขึ้นมาถึงเอวแล้วระวังจะจมน้ำตาย พลเอกประยุทธ์​ตอบโต้ว่า​ ไม่ต้องกลัวจมน้ำตาย​ ผมว่ายน้ำเป็นผมฝึกว่ายน้ำ​ ผมเตรียมมาสามปีแล้ว​ คำพูดของนายวีระกับของพลเอกประยุทธ์​ อาจไม่ตรงที่เราเขียนทุกคำ​ แต่ความจริงคือ​ ตอบวาทกรรมของนายวีระที่ว่าระวังจะน้ำตาย​ ด้วยวาทกรรมที่ว่า​ ผมว่ายน้ำเป็นผมเตรียมตัวมาสามปีแล้ว การที่นักการเมืองบิดเบือนคำตอบโต้นายวีระ​ ว่าผมว่ายน้ำเป็นผมเตรียมตัวมาสามปีแล้ว​ ว่าเป็นการเตรียมปฎิวัติมาสามปีแล้วจึงเป็นการจงใจบิดเบือนที่ให้พลเอกประยุทธ์​ ได้รับการเกลียดชังโกรธแค้น​ เหมือนกับที่เคยตัดต่อคำพูดมาเผยแพร่ว่า​ นายอภิสิทธิ​ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี​ ออกคำสั่งให้ทหารฆ่าประชาชนเมื่อปี 2553 ซึ่งทำให้นายอภิสิทธิ์เกือบถูกรุมฆ่าตาย คำพูดบิดเบือนเพื่อปลุกระดมของนักการถ้าไม่ชี้แจงทำความเข้าใจให้กระจ่าง​ มันคือเชื้อไวรัสของความเลวร้ายที่กระจายเร็วไวทำให้เป็นอันตรายต่อสังคมและความมั่นคงได้​ นักการถ้าจะกอบกู้ศรัทธาความเชื่อถือ​จากประชนชน​ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแก้สันดานแก้นิสัยสร้างพฤติกรรมใหม่ ไม่บิดเบือนไม่ปลุกระดมชั่วร้าย