วันที่ 20 ก.ค.เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ เปิดประเด็นอีกแง่มุมเรื่องชาวบ้าน 'บางระจัน' ในเพจเฟซบุ๊กระบุว่า...บางระจันคือบทเรียนที่สะท้อนถึงความอ่อนแอของราชสำนักอยุธยา เขียนใหม่ กล่อมเกลาผู้คนให้เชื่อตาม บางระจัน คือพื้นที่รองรับพี่น้องชาวลาวเวียงจันทน์และส่วนอื่นๆของลาวตอนต้นกรุงกระนั้น ... ทั้งเค้าโครงเรื่อง บทสนทนา คือนิยายความต่อเนื่อง หลักฐานอ่อน ในระดับชั้นสอง ชั้นสาม ตำนาน ถูกเล่าขานโดยคนอื่นมิใช่คนสายสืบสกุลจุดพิกัดชาวบ้านบางระจัน องค์ความรู้การหล่อปืนใหญ่ไม่เคยเกิดขึ้นในสยาม เวลาที่กรุงศรีอยุธยาแตก เรานำเข้าปืนมาจากภายนอก หากชาวบ้านหล่อปืนได้ย่อมเป็นมหาอำนาจเช่น ดัชต์ สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส หรือจีน อินเดีย อาหรับ หลักฐานฝ่ายอังวะไม่เคยกล่าวถึง หลักฐานร่วมสมัยพระเจ้าเอกทัศผู้ถูกกระทำไม่เคยกล่าวถึงบางระจันเป็นเพียงแค่กระจกเงาสะท้อนความอ่อนแอของพระเจ้าเอกทัศเพื่อสร้างความสามัคคีในชาติ เมื่อ 80-100 ปีที่แล้ว จะเชื่อเรื่องราวบางระจันอย่างไรไม่ผิด แต่วิชาประวัติศาสตร์ไม่เคยหยุดนิ่งจากการค้นคว้าและพัฒนาไม่เคยหยุดนิ่งต่อการค้นหาหลักฐานและการให้เหตุผลจากตัวมัน ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนมาอาจต้องเปลี่ยนแปลงไม่ทันเวลากับความเชื่อ เมื่อปลูกฝังความเชื่อข้ามชั่วอายุคน มันจึงเกิดการฝังหัวเกิดกลุ่มญาติวีรชนควาญหาตัวอย่างอัตโนมัติ เชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเรื่องเล่าที่ชาวกรุงเทพฯขึ้นไปโหยหาสถานที่ ตรงไหน จุดไหน และอย่างไร ชาวบ้านจึงสนองตอบ ชาตินิยมอาจใช้ได้ผลดีในอดีต แต่เมื่อมีความจริงอีกชุดหนึ่งแสดงออกมาว่าไม่เคยเกิดขึ้นจริง ชาตินิยมอัตตาในตัวจึงทำงานอย่างแข็งขันประวัติศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นกลับกลายเป็นจริง ใครเห็นแย้งเห็นต่างจึงถูกด่ากราด แช่งชักหักกระดูก เอาใจบุคคลที่ปราศจากตัวตน ข้าพเจ้าเบื่อที่จะทะเลาะด้วย คิดอย่างไรเชื่ออย่างไร สบายใจก็คิดและเชื่อกันไปเถอะ ข้าพเจ้าไม่เอาด้วยแล้ว!บางระจันมีแต่นิยาย เพลง หนังครับ...