เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ ( 20 ก.ค. 62 ) ที่ห้องประชุมน้อมเกล้า ชั้น 1 อาคารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายถาวร เสนเนียน รัฐมนตรีช่วยคมนาคม และ คณะ โดยมีพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนส่วนราชการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในพื้นที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวบรรยายสรุปภาพรวมงานพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในมิติการพัฒนา ศอ.บต. ตอนหนึ่งว่า ทิศทางการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของ ศอ.บต. ที่ผ่านมา เร่งแก้ไขปัญหาตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการมี “ชีวิตที่ดีกว่า” โดยแก้ปัญหาความไม่สงบและการพัฒนาทุกมิติเพื่อยุติความรุนแรง เพื่อตอบโจทย์การมีชีวิตที่ดี สร้างความสงบสุข ความเจริญจากสังคมพหุวัฒนธรรม ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ โดยเชื่อมโยงยุทธศาสตร์นโยบายจากด้านบน เข้ากับความต้องการของประชาชนจากด้านล่าง และบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชนแบบไร้รอยต่อ โดยมีกลุ่มเป้าหมายการพัฒนาคือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มประชาชนทั่วไป ที่ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี และกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มผู้เห็นต่าง ที่มีโอกาสถูกโน้มน้าวต่อต้านรัฐ ซึ่งต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เห็นว่า สังคมไทย จะให้ชีวิตที่ดีกว่าจากการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม พร้อมควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุมว่า การเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อมารับฟังปัญหาในพื้นที่พร้อมที่จะแก้ไขและดำเนินการในทันที พร้อมน้อมนำพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชชกุมารี ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินมายัง ศอ.บต. เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ในการเร่งดำเนินการจัดเก็บตัวอย่างและตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) เพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฏรหรือไร้สัญชาติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบริเวณชายแดนไทยและมาเลเซีย อันจะส่งผลให้บุคคลเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์และการบริหารจากภาครัฐ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวในที่ประชุมอีกว่า ขณะนี้ปัญหาความไม่สงบได้ลดลงในระดับหนึ่ง ส่วนปัญหาทางภาคอุตสาหกรรมและการบริการในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะสินค้า ฮาลาล เป็นที่โดดเด่น ก็ต้องมีการต่อยอดดำเนินการต่อไป