แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเก้าอี้ ควบตัวนี้ ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการโปรดเกล้าฯรายชื่อคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกแต่เพียงว่า ให้รอดูว่า ตนเองจะควบ รมว.กลาโหม หรือไม่ พร้อมออกตัวว่า ไปรังเกียจอะไร “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯที่ในเวลานั้นควบ รมว.กลาโหม อยู่ แต่หลังจากโปรดเกล้าฯ ครม.และจนหลังการเข้าถวายสัตย์ฯ และประชุม ครม.นัดแรกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็เลี่ยงที่จะตอบเรื่อง เหตุผลที่ต้องควบ รมว.กลาโหม และความมั่นใจในการคุมกองทัพ แม้จะรู้กันดีว่า พล.อ.ประวิตร สุขภาพไม่แข็งแรง จึงทำให้ต้อง คายเก้าอี้ รมว.กลาโหม แล้วให้ พล.อ.ประยุทธ์ ควบเอง ก็ตาม แต่นั่นไม่น่าใช่เหตุผลเดียว ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้อง คุมกลาโหม เอง... การที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เพียงตำแหน่งเดียว กับการมี รมว.กลาโหม ต่อท้ายย่อมทำให้ภาพลักษณ์ สตรอง ได้มากขึ้น แม้จะไม่มี มาตรา 44 ในมือ แบบเมื่อครั้งเป็นหัวหน้า คสช. แล้วก็ตาม แม้จะมั่นใจได้ว่า ผบ.เหล่าทัพ ชุดนี้ ที่ตนเองและ พล.อ.ประวิตร แต่งตั้งมากับมือ จะสนับสนุนรัฐบาลก็ตาม แต่ก็ทำให้ เก้าอี้ นายกฯมั่นคงขึ้น โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการถูกปฏิวัติรัฐประหารล้มอำนาจ ตรงกันข้าม กองทัพในยุคหลัง คสช. นี้ก็จะยังคง เป็นเนื้อเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นกองหนุนที่จะสนับสนุน และเป็นไม้เป็นมือในการช่วยงานรัฐบาล ทั้งในส่วนของ กองทัพ ทุกเหล่าทัพ และ กอ.รมน. ที่ถูกมองว่า ได้รับการผ่องถ่ายอำนาจ และภารกิจของคสช. มาดูแล โดยมี พรบ.ความมั่นคงภายในราชการอาณาจักร 2551 เป็นเครื่องมือสำคัญ โดยที่ นายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.รมน. โดยตำแหน่ง และมี ผบ.ทบ. เป็น รองผอ.รมน. นั่นหมายความว่า แม้จะไม่มี คสช.แล้ว ไม่มีหัวหน้าคสช.แล้ว “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็ยังเป็นเสมือน เลขาฯหรือเสธ.คู่ใจ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็น ผอ.รมน. และ พล.อ.อภิรัชต์ เป็น รองผอ.รมน.ที่คุม กอ.รมน.แทน จึงไม่แปลกที่ ในการประชุม คณะผู้บัญชาการทหาร (ผบช.ทหาร) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อ 18 ก.ค. 2562 ที่มี “บิ๊กกบ” พล.อ.พรพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) ในฐานะประธาน คณะผบช.ทหาร เป็นประธาน ร่วมด้วย ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ผบ.ตร. แล ปลัดกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษา ผบช.ทหาร จะมีการหารือและตกลงเรื่องจุดยืนกองทัพ ต่อรัฐบาลใหม่ ของพล.อ.ประยุทธ์ว่า “กองทัพจะสนองนโยบายรัฐบาลใหม่ ในการแก้ปัญหาต่างๆ และเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา และขอให้ ทหารทุกคน มีความอดทน หนักแน่น” พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองทัพไทย แถลง แทน ผบ.ทสส. ไม่แค่นั้น มีรายงานว่า ในวงเล็ก ของคณะผบช.ทหาร นั้น มีการหารือถึงการรักษาความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียว ที่เหนียวแน่นและแน่นแฟ้น ครบทีมของ ปลัดกลาโหม ผบ.ทสส. ผบ.ทบ.ผบ.ทร.ผบ.ทอ. และ ผบ.ตร. ในการดูแลสถานการณ์บ้านเมือง แม้คราวนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ จะไม่ได้นำ ผบ.เหล่าทัพ ยืนแถลงข่าวเป็นแผงเช่นครั้งที่ผ่านๆมา เพราะไม่อยากให้มีภาพของทหาร ที่จะส่งผลต่อทางการเมือง แต่ก็ให้ โฆษกกองทัพไทย ส่งสัญญาณ ผลการประชุมหารือของ ผบ.เหล่าทัพ ครั้งนี้แทน ท่ามกลางการจับตามองไปที่ พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ. ที่กลายเป็นอดีตเลขาธิการ คสช.และ ผบ.กกล.รส.ของ คสช. ไปหมาดๆ ว่า หลังจากที่ บอกกับสื่อว่า จะงดพูดเรื่องการเมือง หลังจากที่ หมดหน้าที่ คสช. แล้ว นั้น จะอดทนไปได้นานแค่ไหน เพราะเป็นที่รู้กันดี ถึงบุคลิกลักษณะ ที่เป็น คนที่ไม่เก็บกดความรู้สึก คิดอย่างไรก็แสดงออก หรือพูดออกมา จนกลายเป็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ และยึดครองพื้นที่สื่อทุกครั้ง ที่ออกมาพูด ยิ่งมีความเคลื่อนไหวของนักการเมือง กลุ่มการเมือง ที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะการเดินสายไปต่างประเทศ และพูดให้ร้ายรัฐบาลและประเทศ ที่ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ อัดอั้น มาหลายวัน ถึงขั้นที่มีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ ได้เขียนความรู้สึกของตนเอง ใส่กระดาษไว้ เตรียมพร้อมที่จะ ออกมาแถลง หรือแจกจ่าย ความรู้สึกของตนเองนั้น ไปให้สื่อ เพราะตลอดเวลา กว่า 9 เดือนของการเป็น ผบ.ทบ. นั้น มีเอกอัครราชทูตของปลายประเทศ ติดต่อขอเข้าพบ พล.อ.อภิรัชต์ ถึงที่บก.ทบ. เพื่อขอพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งๆที่ ในอดีต ไม่ค่อยมีที่ เอกอัครราชทูต จะมาพบ ผบ.ทบ. อย่างมากก็แค่ ผช.ทูตทหาร อันทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ ช่วยเป็น กระบอกเสียง ชี้แจงแทน พล.อ.ประยุทธ์ แทน รัฐบาล และแทน คสช. เมื่อครั้งในอดีตด้วย แม้จะเป็นที่รู้กันว่า ต่างประเทศย่อมต้องการรู้แนวคิดและทัศนคติของ พล.อ.อภิรัชต์ ในเรื่องการแก้ปัญหาทางการเมือง และการปฏิวัติรัฐประหาร อีกหรือไม่ ก็ตาม แต่ก็สะท้อนว่า พล.อ.อภิรัชต์ ไม่จำเป็นต้อง เที่ยวไปเดินสาย พบต่างประเทศ แล้ววิจารณ์ประเทศตนเอง เหล่านี้เป็นความอึดอัดของ พล.อ.อภิรัชต์...... โดยเฉพาะเมื่อ ถูกฝ่ายต่อต้าน ปล่อยข่าวปลอมในโซเชี่ยลฯ กล่าวหาว่า ขู่จะนำทหารออกมา หากเกิดความวุ่นวาย จากการที่นักการเมืองอภิปรายนายกฯ ที่เป็นเสมือนการปัดขาประเทศ “หากวุ่นวาย ผมก็ต้องออกมาทำเพื่อชาติ อย่าบังคับผม” ข้อความที่ ข่าวปลอม ระบุ แต่ พล.อ.อภิรัชต์ ไม่เคยพูดเช่นนั้น จนทำให้เจ้าตัวต้องออกมา ปฏิเสธข่าว และย้ำว่า การอภิปรายฯเป็นขั้นตอนตามกระบวนการประชาธิปไตยในสภา ไม่มีใครห้ามใครได้ ขออย่างเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ไม่หวังดีที่ปล่อยข่าวปลอม นี้ อาจจินตนาการว่า พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ทบ.และเป็น สว. คงจะไม่ปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกอภิปรายฯในสภา นั่นเอง “นายกฯท่านเป็นนักการเมืองแล้ว ท่านก็คงพร้อมที่จะชี้แจง ตามขั้นตอนตามกระบวนการประชาธิปไตย ในสภา” พล.อ.อภิรัชต์ ระบุ ท่ามกลางการจับตามองว่า จะมี “เกมนอกสภา” ของฝ่ายองครักษ์พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ในการแถลงนโยบายรัฐบาล ต่อรัฐสภาช่วง 25-27 ก.ค. นี้หรือไม่ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาเตือนแล้วว่า การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาฯ ไม่ใช่เวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และอย่าใช้สภา ในการล้มรัฐบาล ก็ตาม แต่มันคือ วิถีการเมือง ในระบอบรัฐสภา ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเผชิญและยอมรับ และต้องเตรียมองครักษ์ไว้ในสภาฯ จนกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้รัฐมนตรีทุกคนทำการบ้าน พร้อมชี้แจงการอภิปราย ในทุกประเด็นให้ได้ ถึงขั้นที่ งดการประชุมครม. 23 ก.ค. ออกไปก่อน รอให้การแถลงนโยบายฯผ่านพ้นไปก่อน จึงจะสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างสมบูรณ์ มีผลทางกฎหมาย นั่นเอง หาก พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวเดินบนถนนการเมือง เพียงลำพัง โดยไม่มีกองทัพ ไม่มีผบ.เหล่าทัพ ไม่มีน้องๆในกองทัพ คอยหนุนหลัง ก็อาจไม่มั่นใจว่า จะไปได้นานแค่ไหน โดยเฉพาะเป็นรัฐบาลเสี่ยงปริ่มน้ำ แม้ กองทัพ กอ.รมน.และผบ.เหล่าทัพ จะไม่ใช้ ม.44 แต่ ก็มีทั้งกำลังพล เครื่องมือ อาวุธยุทโธปกรณ์ งบประมาณ ในการที่จะเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเจอศึกเหนือเสือใต้เช่นไร การเป็นอดีตทหาร อดีตผบ.ทบ. การมีกองทัพหนุนหลัง ย่อมทำให้ ทหารเก่า อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ คงจะอุ่นใจไม่น้อย... โดยเฉพาะยังมี พล.อ.อภิรัชต์ น้องรักสายตรง ที่ได้ชื่อว่าเป็น ผบ.ทบ.ที่มีสถานภาพ ไม่ธรรมดา และเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ อยู่ทั้งคน!