“อนุทิน” ได้ฤกษ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบฯ เผย รมต.สังกัด “ภูมิใจไทย” พร้อมแจง หากถูกซักฟอก ลั่น นโยบายเห็นเป็นรูปธรรม เดือนส.ค.นี้ จี้ ผู้ปฏิบัติต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ทำจะมีคนอื่นทำ ต้องทำความเข้าใจ – สร้างวินัย ปชช. ก่อนปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 ก.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ฤกษ์เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยขึ้นสักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า และลงมาไหว้ศาลพระภูมิ ศาลตาศาลยาย พร้อมพาสื่อมวลชนชมห้องทำงานที่ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 จากนั้นนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายรัฐบาลว่า ขณะนี้ได้เตรียมพร้อมที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนในสังกัดพรรคภูมิใจไทยได้รับร่างนโยบายและได้เตรียมความพร้อมในการชี้แจงแล้วในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ทั้งนี้นโยบายกัญชาเสรี ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนของนโยบายรัฐบาลนั้น ขณะนี้มีแผนงานที่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว รอเพียงนโยบายที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในเรื่องการแบ่งงาน คงต้องรอการแถลงนโยบายรัฐบาลให้เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งแล้วแต่ดุลยพินิจของนายกฯ แล้วแต่ความกรุณาของท่าน เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจ้องอภิปรายคุณสมบัติรัฐมนตรี ที่มีคดีค้างเก่า นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเอกสารมีหลักฐาน ถ้าเกิดเรามีอะไรที่จะต้องชี้แจงก็ต้องชี้แจงด้วยหลักฐาน การกล่าวหาจะต้องกล่าวหาด้วยหลักฐาน ของอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่มีการบันทึก โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นสื่อ สามารถตรวจสอบไปที่กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็จะทราบรายละเอียดทุกเรื่องอยู่แล้ว เรื่องนี้มีข้อกฎหมายอยู่ เมื่อถามว่า นโยบายนโยบายกัญชา ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งต้องเริ่มทำใน 1 ปี และจะมีการพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆไม่มีวันสิ้นสุด เราหวังว่าในวันหนึ่งพืชชนิดนี้ที่มีสาร CBD ที่สกัดได้ ซึ่งเป็นสารที่ดีต้อร่างกาย สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ อีกหน่อยอาจจะเห็นกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญสร้างรายได้ให้กับประเทศและเกษตร ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน เมื่อถามว่า นโยบายที่ให้ปลูกกัญชา บ้านละ 6 ต้นสามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ต้องเริ่มจากที่โรงพยาบาลผ่านเครือข่ายอสม. ซึ่งตอนนี้องคาพยพต่างๆ พร้อมแล้ว รอเพียงการขับเคลื่อนเท่านั้น ซึ่งตนได้ให้นโยบายที่ชัดเจนไปแล้วว่าให้เริ่มต้น ซึ่งทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานตนว่า กระทรวงมีความพร้อม มีการเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับสถาบันทางการเกษตรหลายแห่ง รวมถึงได้ลงนามเอ็มโอยูกับองค์การเภสัช องค์การแพทย์ ซึ่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาภัยภูเบศรก็ทำในส่วนที่เขาทำได้ ภายใต้กฎหมาย ตอนนี้ก็รอเอาออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ “นโยบายมันชัดเจนแล้ว ยิ่งเป็นนโยบายที่นายกฯ ให้ความกรุณาจัดไว้อยู่ในวาระเร่งด่วน มันก็ชัดเจน ไม่ทำสิผิด ไม่ทำจะเจอกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือเปล่าก็ไม่รู้ เมื่อวานผมไปที่กระทรวงก็บอกไปว่า กรุณาอย่ามาพูดว่า ทำไมทำไม่ได้ต้องหาทางมาให้เสร็จ รัฐมนตรีไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ แล้วเห็นว่ากฎหมายเขียนว่า เสรี แต่กว่าจะทำได้ต้องกลับไปขอขั้นตอนเยอะแยะไปหมด เขียนเหมือนกลับว่าคงอำนาจรัฐไว้อีกเยอะ พรรคภูมิใจไทยเข้ามาลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เพื่อปากท้องประชาชน เพราะฉะนั้นเจตนารมณ์นี้ต้องคงไว้ ผมก็เรียนทุกท่านว่า คงไม่ฟังว่าทำไม ทำไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาหา ถ้าทำได้เมื่อไหร่ มีเวลากำหนดที่แน่นอน แล้วค่อยมาหา ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องหาคนที่ทำได้มาทำ เราเป็นผู้บริหาร บอกทิศทาง บอกเป้าหมายและผลลัพธ์ ส่วนผู้ปฏิบัติก็ไปทำตามนั้นเพื่อให้บรรลุถึงผลลัพธ์ เมื่อวานคุยกับปลัดสาธารณสุขท่านให้ความร่วมมือดีมาก พร้อมบอกถึงปัญหาอุปสรรค ว่าทำไมยังไม่เริ่มเสียที ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ต้องเริ่ม ถ้าไม่เริ่มจะมีคนทำ พูดแค่นี้ต้องเข้าใจแล้ว ซึ่งจะต้องเห็นเป็นรูปธรรมตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ ” นายอนุทิน กล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า ก่อนที่จะปลูกได้บ้านละ 6 ต้น จะต้องแก้พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และสิ่งสำคัญที่สุด คือเริ่มจากการให้บริการทางการแพทย์ การค้นคว้าวิจัย และขั้นตอนการทำให้เป็นยา ที่สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติบรรจุไว้เป็นยาที่ครอบคลุม ในโครงการประกันสุขภาพ เมื่อมีการใช้แล้วได้ผลก็จะเกิดความต้องการ ซึ่งการปลูกก็ต้องค่อยๆ ขยายไป โดยเริ่มจากวิสาหกิจชุมชนค่อย ๆทำความเข้าใจเพื่อจะได้มาใช้ ถ้าเกิดไม่เข้าใจเข้าถึงได้อย่างเดียวก็จะเป็นปัญหา ทั้งลูก หลานไปหยิบฉวย การใช้เกินปริมาณที่เกินความปลอดภัย สิ่งเหล่านี้คืออุปสรรคที่จะผลักดันไปถึงจุดสุดท้ายได้ “ถ้าต้องการให้เสรี จริง ๆ เราต้องปลูกฝังวินัย ความเข้าใจ ว่าประโยชน์ของกัญชาคืออะไร โทษคืออะไร เพราะฉะนั้นใช้แต่ในสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้น” นายอนุทิน กล่าว