นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ต้องรอดูคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่าจะมีนโยบายที่จะสามารถผสมผสานกันได้มากน้อยขนาดไหน เพราะมาจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งอาจให้การทำงานของรัฐบาลนี้น่าจะยากขึ้น ประเด็นสำคัญ คือ การรวมนโยบายที่ใช้หาเสียงแต่ละพรรคให้เป็นหนึ่งเดียวและสามารถขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้ สำหรับโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มองว่าพอใช้ได้ เพราะบางคนไม่มีประสบการณ์ทำงาน ขณะที่บางคนเคยผ่านงานมาบ้าง ซึ่งอยู่ที่นายกฯจะสามารถบริหารจัดการได้มากน้อยขนาดไหน สำหรับปัจจัยท้าทายการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ คือ เศรษฐกิจโลก สงครามการค้าที่ยังไม่จบ ดังนั้น ต้องพิจารณาว่าจะดูแลเศรษฐกิจอย่างไรในครึ่งปีหลังท่ามกลางเศรษฐกิจโลกซบเซา ยอมรับว่ายังห่วงนโยบายเศรษฐกิจหลายด้าน เพราะมีการเปลี่ยนพรรคการเมืองมาดูแล ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด สำหรับมาตรการเร่งด่วน คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภคภายในประเทศ ไม่ใช่กระตุ้นรากหญ้าอย่างเดียว เพราะการบริโภคภายในประเทศถือเป็นร้อยละ 50 ของจีดีพี ขณะที่การส่งออกก็ชะลอตัว จึงต้องหันมาพึ่งบริโภคในประเทศ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ด้านตลาดทุนอยากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับกองทุนแอลทีเอฟที่กำลังจะหมดอายุสิ้นปีนี้ โดยรัฐบาลเดิมอ้างว่าให้หารือรัฐบาลใหม่ ซึ่งทางตลาดทุนเตรียมโครงการเสนอให้พิจารณา รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ