ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬคุมตัว 3 ผู้ต้องหาอดีตพระ 1 คนซึ่งเป็นศิษย์เอกพระสมจิต เกิดทรัพย์ผู้ตายและผู้ร่วมขบวนการอีก 2 ทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่สำนักสงฆ์ประเสริฐเกิดทรัพย์ที่เกิดเหตุ ท่ามกลางประชาชนลูกศิษย์ลูกหาพระผู้ตายที่ทราบข่าวแห่มาเต็มวัดเพื่อดูหน้าฆาตกรโหดและการทำแผนกว่า 400 คน ต้องใช้กำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคุ้มครองผู้ต้องหากว่า 100 คนเหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีแม้มีเหตุบ้าง เมื่อเวลา 16 ก.ค พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก.ภ.จ.บึงกาฬ พ.ต.อ.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ รอง ผบก.พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา ผกก.สภ.โซ่พิสัย พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก ปพ.บก.สส.ภ.4 พ.ต.ท.ชาติชาย วัฒนาสุข รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.ภัควัฒน์ บงแก้ว รอง ผกก.สอบสวน สภโซ่พิสัย อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ หัวหน้าชุดสอบสวนคดีฆ่าเผาทั้งเป็นพระสมจิต ขันติธโร หรือเกิดทรัพย์ อายู 53 เจ้าสำนักสงฆ์พระประเสริฐเกิดทรัพย์ บ้านโพนทอง หมู่ 3 ต.หนองพันทา อ.โซ่พิสัย หลังก่อเหตุได้หนีไปกบดานที่ภูมิลำเนา จึงถูกชุดสืบสวนตำรวจธรภาค 4 ตามไปจับกุมตัวได้ที่จังหวัดศรีสะเกษจำนวน 3 คนมีพระ 1 รูปและโยมอีก 2 คนคุมตัวขึ้น ฮ.มาสอบสวนที่ อ.โซ่พิสัยเมื่อคืนผ่านมา ประกอบไปด้วย อดีตพระบัญชา ศุภกิจโจหรือจันทร์คำ อายุ 37 ปีที่อยู่ 4 หมู่ 3 ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ นายทนงศักดิ์ โสดแก้ว อายุ 43 ปี 74 หมู่ 3 ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ และนายสมุทร์ วันอุบล อายุ 67 ปี ที่อยู่ 60 หมู่ 3 ต.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เจ้าของรถกระบะมิตซูบิชิสีบรอนซ์ ทะเบียน ตต 9245 กรุงเทพฯ พาหนะที่ถูกพามาก่อเหตุเมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.โดยหลังจากแยกสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพจึงนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางประชาชนมารอดูโฉมหน้าคนร้ายจำนวนกว่า 400 คน การทำแผนเริ่มต้นที่ถนนปากคาด-โซ่พิสัย ปากทางเข้าสำนักสงฆ์ขณะที่รถจอดข้างทางอดีตพระบัญชาได้สั่งให้นายสมุทร์คนขับจอดรถกับนายทนงศักดิ์ จากนั้นพระบัญชาและพระสีที่ยังจับกุมไม่ได้เปลี่ยนชุดเสื้อผ้าเป็นฆารวาสสวมหมวกไหมพรหมอำพรางเดินถือแกลลอนน้ำมันก๊าซเดินไปที่กุฎีพระสมจิตที่นอนอยู่ จากนั้นได้ลงมือทุบกระจกบานหน้าตากจนแตกก่อนจะนำเอาไม้พันผ้าเหลืองชุบน้ำมันแล้วจุดไฟโยนเข้าไปภายในห้องนอน 2 ไม้ก่อนจะหนีไปขึ้นรถจึงได้โยนแกลลอนน้ำมันที่เหลือเข้าไปเพิ่มเติมอีก พร้อมกับชะโงกหน้าเข้าไปดูเหตุการณ์ทำให้ไฟไหม้ที่หมวกไอ้โม่งที่ใส่แล้วถอดทิ้ง จึงต้องรีบถอยออกมาทำให้กระจกบาดมื้อด้านซ้ายเลือดสาดกระเด็นติดผนังและพื้นปูน ก่อนจะเซถลาล้มไปที่กอดอกไม้สวนหย่อม ขณะที่ไฟกำลังโหมลุกไหม้ที่นอนและพรหมปูพื้น จึงลุกขึ้นรีบหนีไปขึ้นรถเข้ากรุงเทพฯเก็บเอาสิ่งของที่วัดแห่งหนึ่งแล้วจึงหลบไปอยู่บ้านเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ ส่วนบรรยากาศในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพครั้งนี้ท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าวและให้ความสนใจในคดีมารอดูการทำแผนประมาณ 400 คน ขณะที่ทำแผนยังไม่แล้วเสร็จก็มีประชาชนลูกศิษย์ลูกหาพระผู้ตายก็เฮโลเข้าไปเพื่อจะทำร้ายผู้ต้องหา บางคนก็ได้ตระโกนสาปแช่งว่ามาทำกับหลวงพ่อสมจิตทำไมซึ่งท่านเป็นคนดีรับเลี้ยงอดีตพระบัญชา เป็นลูกบุญธรรมให้ใช้นามสกุลด้วยทั้งส่งเสียให้เรียนหนังสือ ถึงแม้จะใส่เครื่องป้องกันอันตรายมีทั้งหมวกกันน็อค เสื้อเกราะกันกระสุน แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหา จึงรีบพาขึ้นรถตู้หนีไปโดยใช้เวลาทำแผนเพียงสั้นๆ ประมาณ 15 นาที และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปฝากขังต่อศาลจังหวัดบึงกาฬ ด้าน พล.ต.ต.ทิวา ผบก.กล่าวว่าหลังจากจับกุมผู้ต้องหามาได้ 3 คนแยกกันสอบสวนโดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพ โดยนายทนงและนายสมุทร์อ้างว่าพระบัญชาจ้างวานให้มาขนต้นเทียนเข้าพรรษาเป็นเงินจำนวน 10,000บาท โดยไม่รู้ว่าจะมีการฆาตกรรมกันเกิดขึ้น ขณะขับรถมาถึงปากทางเข้าวัดพระบัญชาให้จอดรออยู่ข้างทาง พระบัญชาและพระสีถือแกลลอนน้ำมันเดินเข้าไปยังที่พักสงฆ์ดังกล่าว จึงมาทราบภายหลังว่ามีการฆาตกรรมพระด้วยกันขึ้นก็รู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำของพระในครั้งนี้ จึงจะได้ขอหมายศาลออกหมายจับพระสีอีกรูปหนึ่งที่ร่วมกันกระทำความผิดในครั้งนี้ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน และตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป