เนตรนารีถูกรุมตบและด่าทอกลางห้องเรียน โรงเรียนดังเมืองขอนแก่น ผู้บริหารเรียกประชุมเครียดครู- ผู้ปกครอง พบมูลเหตุจากการยืมเงินกันแล้วไม่คืน กำชับห้ามเกิดเรื่องเช่นนี้อีก
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 15 ก.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียนมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น มีการเผยแพร่ภาพที่ถูกบันทึกได้จากกล้องโทรศัพท์มือ เป็นคลิปเด็กนักเรียนหญิงใส่ชุดเนตรชนารีกำลังทะเลาะกัน ภายในห้องเรียน โดยมีเนตรนารีคนหนึ่งยืนด่าทอ ท้าตี โดยเพื่อนเนตรนารีอีก 3 -4 คน คอยห้ามไม่ให้เข้าไปรุม ขณะที่อีกคลิปหนึ่งที่มีความยาวประมาณ 3 นาที เป็นคลิปขณะที่เนตรชนารีคนเดิม ยืนค่อมร่างเนตรนารีอีกคนที่นอนราบอยู่ พร้อมตะโกนต่อว่าในลักษณะเหมือนถูกหักหลัง แล้วยังใช้มือจิกผมคาดคั้นให้เนตรนารีที่ถูกกระทำตอบและต่อสู้ แต่เนตรนารีที่ถูกกระทำกลับนิ่งยอมให้กระทำแบบไม่ตอบโต้ ยิ่งทำให้เกิดความโกรธและบ่นกับเพื่อนๆที่ยืนอยู่รอบๆ ประมาณ 3 – 4 คนว่าไม่สนุกเลย ขณะที่เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มยังให้เนตรนารีที่ถูกกระทำรับปากว่าจบเรื่องไม่ให้บอกใคร
ผู้สื่อข่าวจึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยสามาถติดต่อกับน้องเอ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ซึ่งเป็นมือตบที่อยู่ในคลิป ซึ่งให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ในวันเกิดเหตุได้เดินขึ้นไปทวงเงินกับคู่กรณี แต่คู่กรณีทำหูทวนลม ทั้งที่เป็นเพื่อนกัน แต่ด้วยนิสัยของตนเองเป็นคนอารมณ์ร้อนง่าย ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน
"ก่อนมีเรื่องน้าของคู่กรณีโอนเงินคืนให้ 2,000 บาทจากทั้งหมด 4,250 บาท แต่ส่วนที่เหลือ คู่กรณีไม่ยอมคืนตามที่รับปากว่าจะคืนให้ทั้งหมดในวันที่ 10 ก.ค.2562 เรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าทำรุนแรง แต่ทำเพราะโมโหที่เพื่อนไม่ยอมคืนเงินตามสัญญา ส่วนคนอื่นๆเป็นอีกกรณีเพราะคนอื่นๆก็มีเรื่องกับคู่กรณีคนนี้เหมือนกัน เพราะคู่กรณีคนนี้ก็ทำเรื่องไม่ดีหลายอย่างกับคนอื่นเหมือนกัน"
น้องเอ บอกต่อ่า อยากฝากถึงคนอื่นๆที่วิพากษ์วิจารณ์ในกรณีคลิปที่เกิดขึ้น คนที่โดนตีไม่ได้มีนิสัยดีขนาดนั้น และก็เกือบทำตนเองจมน้ำตายมาแล้ว แต่ทั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้รุมถึง 9 คนแต่อย่างใด มีเพียงแค่ 3 คนที่เข้าไปตีเท่านั้น แต่การลงมือตีขนาดนั้นก็ไม่ได้ทำให้ถึงตาย อยากให้มองความทั้งสองด้าน ส่วนเรื่องเงินก็คืนเรียบร้อย และจะกลับเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ให้อภัยกัน เล่นกันตามปกติ แต่ข่าวที่ออกมามีหลายเพจ หลายสื่อในโซเชียลบอกว่า 9 รุม 1 อยากให้ตรวจสอบว่ามีเพียงแค่ 5 คนเท่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ และที่คลิปนี้หลุดออกมาได้น่าจะเกิดจากที่รุ่นน้องที่สนิทกันส่งต่อกันจนหลุดออกมาเผยแพร่ทางโซเชียลจนกระทั่งเป็นเรื่องขึ้น
ขณะที่ นายวีระเดช ซาตา ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กล่าวว่า ขอโทษสังคมที่ทางโรงเรียนดูแลเอาใจใส่เด็กนักเรียน ไม่ได้ดีเทาที่ควร และได้สร้างความเสียหายให้กับสังคม ทั้งนี้เรื่อวที่เกิดขึ้นนั้นเด็กนักเรียนทั้งคู่เป็นเพื่อนกันเรียนด้วยกันมาตั้งอยู่ชั้น ม.1 จนถึง ม3 ซึ่งทั้งคู่สนิทกันมากจนถึงขั้นยืมเงินกันได้
"ฝ่ายผู้เสียหายก็ยืมเงินคู่กรณีมาหลายครั้ง เมื่อนาน ๆ เข้าจึงมีจำนวนเงินมากขึ้น รวมกันแล้ว เป็นเงินจำนวน 4,250 บาท โดยที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายไม่รู้เรื่องด้วย จากนั้นจึงได้มีการทวงเงินกันขึ้นและทำการตบตีกันตามคลิปที่เห็น พร้อมกันนี้ผู้บริหารได้เชิญผู้ปกครองและนักเรียนมาพูดคุยกัน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองตกลงกันเอง พร้อมกำชับไม่ให้ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องกันอีกและไม่ให้มีการยืมเงินกันในห้องเรียน ซึ่งตัวนักเรียนทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้มีการตกลงและรับปากว่าจะเป็นเพื่อนกันและพูดคุยกันตามปกติ แต่ในเรื่องของทางวินัยนักเรียนนั้นทางโรงเรียนก็จะดำเนินตามกฎของโรงเรียน ซึ่งมีบทบัญญัติการลงโทษของกระทรวงศึกษาธิการไว้อยู่ ซึ่งโทษก็มีตั้งแต่การลงทัณฑ์ และการภาคทัณฑ์ ซึ่งทางโรงเรียนก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนต่อไป พร้อมจะหาแนวทางไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก"นายวีระเดช กล่าว
น้องเอ บอกต่อ่า อยากฝากถึงคนอื่นๆที่วิพากษ์วิจารณ์ในกรณีคลิปที่เกิดขึ้น คนที่โดนตีไม่ได้มีนิสัยดีขนาดนั้น และก็เกือบทำตนเองจมน้ำตายมาแล้ว แต่ทั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้รุมถึง 9 คนแต่อย่างใด มีเพียงแค่ 3 คนที่เข้าไปตีเท่านั้น แต่การลงมือตีขนาดนั้นก็ไม่ได้ทำให้ถึงตาย อยากให้มองความทั้งสองด้าน ส่วนเรื่องเงินก็คืนเรียบร้อย และจะกลับเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ให้อภัยกัน เล่นกันตามปกติ แต่ข่าวที่ออกมามีหลายเพจ หลายสื่อในโซเชียลบอกว่า 9 รุม 1 อยากให้ตรวจสอบว่ามีเพียงแค่ 5 คนเท่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ และที่คลิปนี้หลุดออกมาได้น่าจะเกิดจากที่รุ่นน้องที่สนิทกันส่งต่อกันจนหลุดออกมาเผยแพร่ทางโซเชียลจนกระทั่งเป็นเรื่องขึ้น
ขณะที่ นายวีระเดช ซาตา ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กล่าวว่า ขอโทษสังคมที่ทางโรงเรียนดูแลเอาใจใส่เด็กนักเรียน ไม่ได้ดีเทาที่ควร และได้สร้างความเสียหายให้กับสังคม ทั้งนี้เรื่อวที่เกิดขึ้นนั้นเด็กนักเรียนทั้งคู่เป็นเพื่อนกันเรียนด้วยกันมาตั้งอยู่ชั้น ม.1 จนถึง ม3 ซึ่งทั้งคู่สนิทกันมากจนถึงขั้นยืมเงินกันได้
"ฝ่ายผู้เสียหายก็ยืมเงินคู่กรณีมาหลายครั้ง เมื่อนาน ๆ เข้าจึงมีจำนวนเงินมากขึ้น รวมกันแล้ว เป็นเงินจำนวน 4,250 บาท โดยที่ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายไม่รู้เรื่องด้วย จากนั้นจึงได้มีการทวงเงินกันขึ้นและทำการตบตีกันตามคลิปที่เห็น พร้อมกันนี้ผู้บริหารได้เชิญผู้ปกครองและนักเรียนมาพูดคุยกัน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองตกลงกันเอง พร้อมกำชับไม่ให้ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องกันอีกและไม่ให้มีการยืมเงินกันในห้องเรียน ซึ่งตัวนักเรียนทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้มีการตกลงและรับปากว่าจะเป็นเพื่อนกันและพูดคุยกันตามปกติ แต่ในเรื่องของทางวินัยนักเรียนนั้นทางโรงเรียนก็จะดำเนินตามกฎของโรงเรียน ซึ่งมีบทบัญญัติการลงโทษของกระทรวงศึกษาธิการไว้อยู่ ซึ่งโทษก็มีตั้งแต่การลงทัณฑ์ และการภาคทัณฑ์ ซึ่งทางโรงเรียนก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนต่อไป พร้อมจะหาแนวทางไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก"นายวีระเดช กล่าว