จากกรณีเมื่อ พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.นำกำลังบุกตรวจค้นเป้าหมาย 33 จุดทั่วประเทศ สืบเนื่องจากคดีอาหารลดความอ้วน“ลีน” เมื่อปี 61 ที่พบว่าผสมสารอันตราย “ไซบูทรามีน” จนเป็นเหตุให้ผู้บริโภคถึงแก่ความตาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนอย่างละเอียดจนทราบว่า มีการลักลอบนำเข้าสารดังกล่าวมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ตามแนวชายแดนแล้วส่งไปผลิตอาหารเสริมยาลดความอ้วนต่างๆ ล่าสุดเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตจากการกินยาลดความอ้วนที่ จ.อ่างทอง และพบความเชื่อมโยงกับการลักลอบนำเข้าสารไซบูทรามีน จึงเป็นที่มาของการเปิดยุทธการฟ้าสาง ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้บูรณาการกำลังตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าร่วมทำการตรวจค้นเป้าหมายทั้งหมด 33 จุดทั่วประเทศ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ก.ค.62 ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันเดียวกัน พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.กล่าวเปิดเผยว่า สรุปผลการปฏิบัติยุทธการฟ้าสาง ขุดรากถอนโคน ทลายเครือข่ายนำเข้า-จำหน่าย ยาลดอ้วนมรณะ รวม 33 จุดทั่วประเทศ ว่าผลการตรวจค้นในวันนี้พบการกระทำความผิด ทั้งหมด 25 จุด ส่ว่นผลการตรวจยึดของกลางเท่าที่นับได้ในขณะนี้มีดังนี้ 1. ตรวจยึดยาที่เชื่อว่ามีส่วนผสมของสารไซบูทรามีน ขณะนี้ตรวจนับแล้ว จำนวนกว่า 1,500,000 เม็ด 2.กาแฟลดน้ำหนักที่มีส่วนผสมไซบูตามิน จำนวน 305,750 ซอง ยังอยู่ระหว่างการตรวจนับ ส่วนอีก 8 จุด ไม่พบการกระทำผิด เนื่องจากเป็นที่พัก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบเอกสารทางการเงิน พร้อมสอบสวนขยายผลต่อไป 3.ผงสารไซบูตามิน บรรจุถุง ถุงละ 1 กก. จำนวน 16 ถุง คิดเป็นน้ำหนัก 16 กก. 4.เนื้อครีม จำนวน 321 ถัง ถังละ 30 กก. คิดเป็นน้ำหนัก 19,630 กก. หรือ 19.63 ตัน 5.ครีมทาผิว จำนวน 100,000 หลอด 6.ครีมย้อมผม จำนวน 100,000 ซอง 7.ผงอาหารเสริมชนิดต่างๆ ประมาณ 200 กก.ที่ใช้ในการผลิตยาลดความอ้วน และ 8.สบู่อันตราย จำนวน 48,000 ก้อน ส่วนของกลางอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการตรวจนับ “ทั้งนี้ต้องขออภัยที่ไม่ได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบล่วงหน้า เพราะเป็นภารกิจลับ หวังจะทลายให้สารอันตรายหมดไปให้ได้ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ อย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงสื่อมวลชน ที่ได้ติดตามและเสนอข่าวครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ของสาธารณชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพ” พล.ต.อ.ดร.วิระชัย กล่าวต่อท้าย