เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม พลโท ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ พลตรี ประสิทธิ์ ทิศาวงศ์ ผู้บัญชาการควบคุม ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาค 2 และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประสานงานร่วมกับ ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด มณฑลทหารบกที่ 210 นครพนม ตำรวจชุดสืบสวนนครพนม ตชด. เร่งขยายผล หลังเมื่อวานที่ผ่านมา มีการติดตามจับกุม ท้าวตุ่ย ไชยะวง อายุ 42 ปี ชาวบ้านน้ำเงียบ เมืองปากซัน สปป.ลาว พร้อมยึดของกลางยาบ้า จำนวน 6.3 แสนเม็ด ขณะมีการลักลอบ ประสานงานกับเครือข่าย ค้ายาบ้าข้ามชาติชาวลาว ลักลอบนำยาบ้า จำนวน 6.3 แสนเม็ด มาพักไว้ ริมถนน ในพื้นที่ บ้านานอ ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม เพื่อรอการส่งต่อไปขาย จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่แกะรอยเข้าไปจับกุมได้ โดยผู้ต้องหาชาวลาว ได้รับสารภาพ ว่า ทำงานรับจ้างจากนายทุน ขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติ ลักลอบนำเข้ามาพัก เพื่อรอการส่งต่อได้ ค่าจ้าง เป็นเงิน 40,000 บาท ภายหลังเจ้าหน้าที่ มีการสอบสวนขยายผล จับกุม เครือข่าวชาวไทย หลังพบมีการช่วยเหลือ ในการนำยาบ้ามาพัก ไว้ในพื้นที่ ก่อนวางแผนเข้าจับกุม นายสีโห ก้อนกั้น อายุ 66 ปี อดีต อบต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ภายในบ้านพัก เลขที่ 106/1 บ้านนานอ ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม พร้อมของกลางรถยนต์ ที่ใช้กระทำความผิด คือ รถยนต์เก๋ง ฮอนด้าซิตี้ ทะเบียน กง 2682 นครพนม ควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล เบื้องต้นจากการสอบสวน ขยายผล นายสีโห ก้อนกั้น อายุ 66 ปี อดีต อบต.หนองซน ได้ให้การรับสารภาพว่า ปกติตนมีอาชีพทำนา ทำสวนยาง ในพื้นที่ อ.นาทม จ.นครพนม จากนั้น ได้มีการติดต่อไปมาหาสู่กับเพื่อนชาวลาว และได้มีภรรยาเป็นชาวลาว เมื่อ 3 -4 ปีที่ผ่านมา จึงเดินทางไปมาระหว่างลาว ตลอด จนกระทั่งรู้จักกับ นายตุ่ย ผู้ต้องหาชาวลาว เมื่อปีที่ผ่านมา และมีความคุ้นเคยกัน จากนั้นได้รับการติดต่อว่า จะมาขอยืมรถยนต์เก๋ง เพื่อนำไปรับสิ่งของบางอย่าง แต่ไม่ได้สอบถาม เพียงนายตุ่ย ตกลงว่า เสร็จงานจะได้เงินค่าจ้าง คนละ 40,000 บาท ตนจึงไม่ได้ถามรายละเอียด เพราะต้องการเงินมาใช้จ่าย จนกระทั่งมารู้ทีหลังว่า เป็นยาบ้า ยืนยันว่า เป็นครั้งแรกไม่เคยทำผิดกฎหมายมาก่อนหลังสอบตก จาก สมาชิก อบต.ได้ทำงานทำการเกษตรเป็นหลัก ไม่เคยมีประวัติถูกจับกุมมาก่อน อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย น่าจะมีการติดต่อซื้อขาย ส่งยาบ้าข้ามชาติมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจาก ทางเจ้าหน้าที่มีการติดตามพฤติกรรมมานาน แต่ยังไม่พบหลักฐานชัดเจน และจะเป็นเครือข่ายรายสำคัญ ที่มีการลักลอบนำเข้ายาบ้าตามแนวชายแดน เพราะมีความชำนาญในการประสานงานลักลอบนำเข้าพอสมควร ซึ่งจะได้เร่งสอบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ทั้งชาวไทย และเชื่อว่าจะมีนายทุนรายสำคัญในพื้นที่ คอยดูแลสนับสนุน ซึ่งจะได้เร่งสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมต่อไป ส่วนยาบ้าดังกล่าว เชื่อว่า น่าจะมีการส่งต่อไปขายทางภาคใต้ของไทย หากนำไปขายได้ คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท เพราะมีราคาซื้อขายไม่ต่ำกว่าเม็ดละ 200 บาท