คนข้างวัด / อุทัย บุยเย็น เข้า 3 เดือนแล้ว เรายังไม่ได้รัฐบาลมาบริหารบ้านเมืองเพราะ “ระบอบประชาธิปไตย” มีกระบวนการที่สลับซับซ้อนและยุ่งยากต่างๆ เป็นที่ห่วงกังวลของประชาชนมากอยู่ กระบวนการของระบอบประชาธิปไตย เช่น การโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี การโหวตตั้งรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี การลงมติอนุมัติงบประมาณแผ่นดิน ประจำปี (ถัดไป) เป็นต้น แต่ละกระบวนการเป็นไปด้วยระบบเสียงข้างมากในรัฐสภา ซึ่งบางเรื่องต้องใช้เวลาและมี “การเมือง” ในการขับเคลื่อนพอสมควร ไม่เป็นได้ง่ายเหมือนระบอบราชาธิปไตยหรือระบอบเผด็จการที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยคนๆเดียว หรือคณะเดียว ซึ่งประเทศทางเอเชียคุ้นเคยมาก่อน ก่อนการปฏิวัติ (หรืออภิวัติ) 2475 ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชหรือระบอบราชาธิปไตย พระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจสิทธิในการบริหารแผ่นดิน สถาบันหลักต่างๆ อยู่ภายใต้ตัดสินพระทัยของพระมหากษัตริย์ ประเทศทั้งหลายในแถบเอเชีย ล้วนแต่ปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตย ไม่คุ้นเคยกับระบอบประชาธิปไตย เฉพาะประเทศไทยแม้เปลี่ยนมาเป็นระบอบประชาธิปไตยก็เพิ่มรูปแบบ “มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” จึงมีคำพูดว่า “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” คือไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างประเทศต้นแบบเช่นประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น บางประเทศในเอเชีย เลือกใช้ระบอบสังคมนิยมประประชาธิปไตยหรือเลือกเป็น “สาธารณรัฐ” แทนการเป็นประชาธิปไตยเต็มตัว ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครองที่เชื่อกันว่า “มีความบกพร่องน้อยที่สุด” ในบรรดาระบอบการปกครองทั้งหลาย (ไม่ใช่เป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด) เมื่อประชาชนมีความคุ้นเคยน้อยกับระบอบประชาธิปไตย จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าเป็นธรรมดา ระหว่างที่ประเทศฝ่ายล่าอาณานิคม ซึ่งเป็นประเทศทางตะวันตก เข้ามายึดครองประเทศต่างๆ ในเอเชีย ดูเหมือนมีความพยายามที่จะเปลี่ยนศาสนาของประเทศที่ตนเข้ายึดครองด้วย ซึ่งในบางประเทศก็ทำสำเร็จ แต่ในหลายประเทศก็ล้มเหลว เช่นในประเทศอินเดีย แม้อังกฤษจะเข้ายึดครองได้ แต่ก็เปลี่ยนศาสนาของประเทศไม่ได้ คนส่วนใหญ่ของอินเดีย ยังนับถือศาสนาฮินดู ประเทศศรีลังกา เป็นประเทศที่ศาสนาพุทธมีความเข้มแข็งอย่างยิ่งฝรั่งก็ไม่สามารถเปลี่ยนศาสนาของประชาชนได้ น่าสังเกตว่า ในหลายประเทศ ประเทศฝ่ายล่าอาณานิคมอาจจะเปลี่ยนระบอบการปกครองได้ แต่เปลี่ยนศาสนาไม่ได้ ในสมัยสงครามเย็น ลัทธิคอมมิวนิสต์พยายามจะลบล้างศาสนาให้ได้ แต่ก็ทำกับศาสนาไม่ได้ เพราะศาสนามีความฝังลึกเข้าไปในจิตใจคน ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ บางศาสนาใช้วิธี “ปราบปราม” เข้ายึดครองประเทศ แต่ในที่สุดก็ยึดครองด้านศาสนาไม่ได้ ศาสนาพุทธ หรือ พุทธศาสนา ถูกบางศาสนาเข้ายึดครองพื้นที่ด้วยการเผาทำลาย แต่ในที่สุด พุทธศาสนาก็ยังดำรงอยู่ได้ ค่อยๆ ฟื้นตัวทีละน้อย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ พุทธศาสนาก็ทำท่าจะแพร่หลายและรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็น่าเป็นห่วงที่ระบอบประชาธิปไตยจะเข้ามาสร้างความแตกแยกขึ้นในด้านศาสนา โดยไม่รู้ตัว ระบอบประชาธิปไตย มีกฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารแผ่นดิน แต่ก็ใช้กฎหมายนั่นแหละเป็นช่องทางให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา ใช้เสียงข้างมากหรือใช้อำนาจพิเศษ (เช่น ทุนข้ามประเทศ) หรือใช้กำลังเข้ายึดครองประเทศ อย่างเห็นแก่ได้ มีบางคนถึงกับกล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยอาจใช้เงินไม่ถึงหนึ่งแสนล้านเข้ายึดสภาได้ คนที่คิดว่า จะทำได้อย่างนั้น คิดว่า จะยึดครองด้วยศาสนาได้แต่ความเป็นจริง จะเกิดความแตกแยกอย่างใหญ่หลวงขึ้นในแผ่นดิน จะเกิดสงครามระหว่างศาสนาขึ้นได้ จึงอยากจะให้ระบอบประชาธิปไตยรีบมีกฎหมายคุ้มครองศาสนา (ทุกศาสนา) โดยให้มีกฎหมายคุ้มครองแนวคำสอนและแนวปฏิบัติของทุกศาสนา ไม่ปล่อยให้เกิดการกระทบกระทั่งกันทางศาสนาได้ ประเทศอิตาลีเป็นตัวอย่างที่ดี อิตาลีมีการรับรองศาสนาในรัฐธรรมนูญ ให้ศาสนาที่มีการรับรองในรัฐธรรมนูญเป็นศาสนาที่ถูกต้อง ได้รับการคุ้มครอง เกรงว่า ระบอบประชาธิปไตยของไทย จะสาละวนอยู่กับการจัดตั้งรัฐบาล จนไม่ได้ทำงานอะไร เพราะรัฐบาลไม่เกิดสักที จะเป็นช่องว่างให้เกิดการรุกราน-การเบียดเบียนกันทางศาสนา อย่างเงียบๆ และจะเป็นปัญหาใหญ่ ยากแก่การแก้ไขตามมา ปัญหาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวงการศาสนา คือการขยายพื้นที่และจำนวนผู้นับถือศาสนา ด้วยวิธีการอันสกปรก อย่างที่กำลังทำกันอยู่ เช่น เปลี่ยนแปลงแนวคำสอน-แนวปฏิบัติตามใจชอบ การกล่าวอ้างพระไตรปิฎกที่ไม่มีอยู่จริง การกล่าวอ้างพุทธประวัติ ตามความเชื่อและตามอคติของตน การทำลัทธิเทวนิยม-อเทวนิยม ให้ก้าวก่ายสับสนกัน การมอมเมาประชาชนด้วยวิธีปฏิบัติที่ขัดกับคำสอนของศาสนามีผลประโยชน์ทางธุรกิจแอบแฝงอยู่ การเบียดเบียนกันด้วยวิธีเฝยแพร่ศาสนาให้เกิดความรำคาญและกระทบกระทั่งกัน ทั้งๆ ที่ใบคัมภีร์ของศาสนาไม่ได้บังคับให้เชื่อให้ทำอย่างนั้น เชื่อว่า ทุกศาสนาสอนให้เคารพซึ่งกันและกันในระหว่างผู้นับถือศาสนา อยากให้รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในระบอบการปกครองใดๆ ได้รีบเร่งออกกฎหมายคุ้มครองศาสนาให้ได้ ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า พุทธศาสนานิกายเถรวาท ที่นับถือพระไตรปิฎกบาลี มีความมั่นคงที่สุดในประเทศไทย เป็นพุทธศาสนาที่มีในสมัยระบอบราชาธิปไตย พระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ช่วยกันดำรงสืบทอดมาอย่างดี โดยเฉพาะพุทธศาสนาในประเทศไทย ที่มีความมั่นคงและมีวิธีปฏิบัติตามคำสอนได้อย่างงดงาม ยิ่งกว่าประเทศอื่นใด (จนเป็นที่ยอมรับให้เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนา) ก็เพราะมีพระมหากษัตริย์เป็นกำลังสำคัญในการจรรโลงรักษาเอาไว้ เคยมีบางสมัย บางศาสนาเข้าถึงพระมหากษัตริย์ กราบทูลโน้มน้าวพระทัยให้ทรงหันมานับถือศาสนานั้น (เชื่อว่า ประชาชนจะหันมานับถือตาม) มีพระดำรัสว่า ถ้าพระเจ้ามีพระประสงค์อย่างนั้น ก็จะเป็นไปเอง นี่แสดงว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ให้มีศาสนาต่างๆกัน วันหนึ่ง มีคนส่งไลน์ภาพ (วิดีโอ) ชาวศรีลังกา ยืนรอต้อนรับพระไทยจำนวน 50 รูป เดินธรรมยาตรา (หรือเดินธุดงค์) ด้วยความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น บางคนกราบลงที่เท้าของพระ บางคนเทน้ำล้างเท้าให้พระ บางคนเอาน้ำสาดพื้นถนนบรรเทาความร้อนให้พระเดินได้ มีหลาายคนเข้าแถวกันใส่บาตรพระด้วยข้าวปลาอาหารเหมือนธรรมเนียมไทยหลายคนร้องไห้น้ำตานองหน้า ด้วยความดีใจ เห็นแล้วก็น้ำตาซึมไปด้วย ทุกวันนี้ มีคนลังเลสงสัยว่าระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่จะดำรงรักษาพุทธศาสนาไว้ได้หรือไม่ เกรงกันว่า พุทธศาสนาเคยอยู่รอดมาด้วยระบอบการปกครองอื่น และเกือบจะสูญสลายไปด้วยระบอบ (ลัทธิ) คอมมิวนิสต์นานแล้วฤาจะสูญสิ้นไปกับระบอบประชาธิปไตยนี่เอง? อยากให้ฝ่ายการเมืองเร่งรีบมีรัฐบาลและรัฐสภาช่วยกันทำงานโดยเฉพาะอยากให้ตระหนักในปัญหาทางศาสนาที่กำลังรออยู่ รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นการใช้วิธีสกปรกและอาการหิวกระหายของบางศาสนาที่กำลังรุกหนักโดยใช้ช่องทางในระบอบประชาธิปไตยนี่แหละเป็นเส้นทางเดินขอพวกเขา