อีกด้านของความเห็นจากหมอรามาฯ ว่ายังเป็นยาปลอดภัยที่สุด หากไม่กินเกินขนาด ระบุยาแนคไม่จำเป็นกับทุกคน เพราะร่างกายมีระบบกำจัดพิษได้เอง ขณะยาแนคปัญหาใหญ่คือแพง ชี้มีการยกเรื่องสูตรยาผสมทั้งคู่มานานแล้วแต่ยังต้องศึกษารอบด้าน
จากกรณีความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับปัญหา “ยาพาราเซตามอล” ประหนึ่งยาพิษสามัญประจำบ้านโดยระบุ ปัญหาที่คนไทยไม่รู้ก็คือ ยาพาราเซตามอล มีไว้แค่บรรเทาอาการ ไม่ได้ช่วยให้โรคหาย และยังเป็นยาที่มีอันตราย แม้กินเพียงไม่กี่เม็ด ก็อาจก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ และไตได้อย่างรุนแรงได้ จึงต้องควรกินร่วมกับยาแนค (N-Acetylcysteine (NAC)) เพื่อต้านพิษของยาพาราฯ”
ทั้งนี้ มีความเห็นของ ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและผู้อำนวยการศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ถึงเรื่องนี้ผ่านเพจ Sure.Oryoy.com ว่า
“พาราเซตามอลที่ทำให้เกิดเป็นอันตรายกับตับและไตนั้น พบในผู้ป่วยที่รับประทานยาเกินขนาดเป็นส่วนใหญ่ สำหรับบุคคลทั่วไปยาพาราเซตามอลยังถือว่าปลอดภัยที่สุด และมีผลข้างเคียงอื่นๆ เมื่อเทียบกับยาลดไข้แก้ปวดกลุ่มอื่น เช่น ยากลุ่มยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือแม้กระทั่งแอสไพริน
สำหรับขนาดที่เหมาะสมปลอดภัยคือครั้งละ10-15มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว1กิโลกรัม ฉะนั้น ในคนน้ำหนักตัว50กิโลกรัม ควรรับประทานยาขนาดเม็ดละ325มิลลิกรัม ครั้งละไม่เกิน2เม็ด หรือ เม็ด500มิลลิกรัมไม่เกินครั้งละ1เม็ด
หากคิดขนาดยารวมเป็นวันคือไม่เกิน3,250มิลลิกรัมต่อวัน คนที่น้ำหนักตัวน้อยหรือมากกว่านี้ก็ควรปรับตามสัดส่วนของน้ำหนักตัว ผู้ป่วยที่จะไวต่อการเกิดเป็นพิษของยาพาราเซตามอลได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป คือ 1. ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอลต่อเนื่องมากกว่า 1 สัปดาห์ 2. รับประทานยาบางรักษาวัณโรคบางชนิดได้แก่ ไอโซไนอะซิด(isoniazid, INH) หรือมีภาวะขาดอาหาร ผู้ป่วยที่มีไข้จากการติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้เลือดออก หรือติดเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ
ยาพาราเซตามอลยังถือว่าปลอดภัยที่สุด หากไม่รับประทานเกินขนาด ปัญหาที่พบบ่อยคือ ผู้ป่วยรับประทานยาที่มีส่วนผสมของยาพาราเซตามอลอยู่แล้ว เช่น ยาเม็ดสูตรผสมแก้ไข้และลดน้ำมูก หรือยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ
หากผู้ป่วยไม่ทราบแล้วรับประทานยาพาราเซตามอลร่วมด้วยอีก ก็จะเกินขนาดได้ หรือยาพาราเซตามอลที่มีชื่อการค้าต่างกัน หากผู้ป่วยไม่ทราบก็จะเกิดการรับประทานยาซ้ำซ้อนกันได้ ดังนั้น ควรทราบชื่อสามัญของยาที่รับประทานด้วยก็จะสามารถป้องกันได้
ส่วนยาแนค หรือN acetylcysteine (NAC) นั้น เป็นที่ทราบกันในวงการแพทย์ว่าเป็นยาต้านพิษของยาพาราเซตามอล โดยสามารถป้องกันการเกิดภาวะตับอักเสบจากยาพาราเซตามอลเกินขนาดได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ป่วยที่รับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาดแล้ว ต้องได้ยาต้านพิษทุกราย เนื่องจากร่างกายมีความสามารถกำจัดพิษของยาเองได้ในระดับหนึ่ง
กล่าวคือแพทย์จะพิจารณาให้ยาแนค ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยต้องรับประทานยาพาราเซตามอลเกินกว่า150 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมในครั้งเดียว หรือเมื่อขนาดเกินกว่า100มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมในผู้ป่วยที่ไวต่อการเกิดพิษอย่างที่กล่าวไปแล้ว
สำหรับการให้มียาแนคผสมอยู่กับยาพาราเซตามอลไปเลยนั้น เคยมีการเสนอในทางวิชาการมาหลายปีแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาใดๆ ที่บอกได้ว่าควรต้องมียาแนคผสมกับยาพาราเซตามอลขนาดมากน้อยเพียงใด จึงจะมีประโยชน์และคุ้มค่า เพราะราคายาแนคแพงกว่าพาราเซตามอล
ดังนั้น ควรจะต้องมีการศึกษาอย่างรอบด้าน และจึงเป็นการเร็วเกินไปในขณะที่มีข้อมูลเพียงเท่านี้ที่จะสรุปและให้ดำเนินการผลิตสูตรยาผสมอย่างที่เสนอ”