เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. พร้อม พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย,พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม.
ร่วมแถลงจับกุมผู้ต้องหาหนีหมายจับชาวต่างชาติจำนวน 2 ราย คดีแรก จับกุมนายคาซึฮิโกะ ยามาซากิ (MR.KATSUHIKO YAMAZAKI) ชาวญี่ปุ่น อายุ 62 ปี สมาชิกแก๊งยากูซ่า อิกานาว่า ผู้ต้องหาหนีหมายจับศาลจังหวัดอากิตะ คดีวางเพลิงเผาทรัพย์
พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายคาซึฮิโกะ ซึ่งเป็นสมาชิกระดับกลาง ของแก๊งยากูซ่าอิกินาว่าที่มีขนาดเล็กแต่มีความโหดเหี้ยมเป็นที่เลื่องชื่อ ก่อคดีติดตัวในประเทศญี่ปุ่นกว่า 12 คดีทั้งทำร้ายร่างกาย ข่มขื่น ทั้งนี้คนร้ายได้เข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อราวเดือนกุมภาพันธ์ที่มาผ่าน ก่อนจะก่อคดีล่าสุด โดยไปวางเพลิงเผาบ้านญาติคู่กรณี ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตในประเทศไทย หลังคนร้ายอ้างจะนำเงินที่ได้จากการทำธุรกิจของผู้เสียหายไปส่งให้กับนักธุรกิจอีกรายในญี่ปุ่นกระทั่งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจกองกำกับการ 1 บก.สส.สตม. ได้รับการประสานจากประเทศญี่ปุ่นและสืบทราบเรื่อง จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว
พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวต่อ จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่านายคาซึฮิโกะ ได้เข้ามาในประเทศไทยหลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อประมานเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยครั้งล่าสุดคือ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม โดยใช้วีซ่าประเภท ผ.30 อนุญาตให้อยู่ต่อได้ประมาณ 1 เดือน แต่อายุยังไม่สิ้นสุด ตำรวจ ตม.จึงเพิกถอนการให้อยู่อาศัยต่อ ก่อนดำเนินการส่งตัวกลับประเทศต้นทางต่อไป
อีกคดีจับกุมนาย สี่ซิงหยิง(MR.XU Xingyin) อายุ 35 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับประเทศจีนในคดีฉ้อโกงอสังหาริมทรัพย์
พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจาก นายสี่ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทเหอเป่ยหลินหูพร็อบเพอร์ตี้จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งและได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ได้ทำการขายที่พักอาศัย 2 อาคาร เมื่อปี 2557 และมีผู้เสียหายจ่ายเงินดาวน์ไป 18 เดือน จำนวนกว่า 10 ล้านบาท แต่นายสี่ไม่สามารถโอนอาคารให้แก่ผู้ซื้อได้ ตำรวจมณฑลเหอเป่ย ของประเทศจีน จึงออกหมายจับตั้งแต่ปี 2561 กระทั่งนายสี่ ได้หลบหนีเข้าประเทศไทยมาตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเข้าด่าน ตม.ท่าอากาศยานกรุงเทพ ก่อนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงควบคุมตัวไว้พร้อมรอนำส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป
พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายคาซึฮิโกะ ซึ่งเป็นสมาชิกระดับกลาง ของแก๊งยากูซ่าอิกินาว่าที่มีขนาดเล็กแต่มีความโหดเหี้ยมเป็นที่เลื่องชื่อ ก่อคดีติดตัวในประเทศญี่ปุ่นกว่า 12 คดีทั้งทำร้ายร่างกาย ข่มขื่น ทั้งนี้คนร้ายได้เข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อราวเดือนกุมภาพันธ์ที่มาผ่าน ก่อนจะก่อคดีล่าสุด โดยไปวางเพลิงเผาบ้านญาติคู่กรณี ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตในประเทศไทย หลังคนร้ายอ้างจะนำเงินที่ได้จากการทำธุรกิจของผู้เสียหายไปส่งให้กับนักธุรกิจอีกรายในญี่ปุ่นกระทั่งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจกองกำกับการ 1 บก.สส.สตม. ได้รับการประสานจากประเทศญี่ปุ่นและสืบทราบเรื่อง จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว
พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวต่อ จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่านายคาซึฮิโกะ ได้เข้ามาในประเทศไทยหลายครั้ง ครั้งแรกเมื่อประมานเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยครั้งล่าสุดคือ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม โดยใช้วีซ่าประเภท ผ.30 อนุญาตให้อยู่ต่อได้ประมาณ 1 เดือน แต่อายุยังไม่สิ้นสุด ตำรวจ ตม.จึงเพิกถอนการให้อยู่อาศัยต่อ ก่อนดำเนินการส่งตัวกลับประเทศต้นทางต่อไป
อีกคดีจับกุมนาย สี่ซิงหยิง(MR.XU Xingyin) อายุ 35 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับประเทศจีนในคดีฉ้อโกงอสังหาริมทรัพย์
พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจาก นายสี่ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทเหอเป่ยหลินหูพร็อบเพอร์ตี้จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งและได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ ได้ทำการขายที่พักอาศัย 2 อาคาร เมื่อปี 2557 และมีผู้เสียหายจ่ายเงินดาวน์ไป 18 เดือน จำนวนกว่า 10 ล้านบาท แต่นายสี่ไม่สามารถโอนอาคารให้แก่ผู้ซื้อได้ ตำรวจมณฑลเหอเป่ย ของประเทศจีน จึงออกหมายจับตั้งแต่ปี 2561 กระทั่งนายสี่ ได้หลบหนีเข้าประเทศไทยมาตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเข้าด่าน ตม.ท่าอากาศยานกรุงเทพ ก่อนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงควบคุมตัวไว้พร้อมรอนำส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป