สัปดาห์พระเครื่อง / ราม วัชรประดิษฐ์
"ของๆ ฉัน สร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะหมุนโชคหมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมา อาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆ เท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็นหนึ่ง บ่ เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเลื่องถึงเมืองแมน" วาจาสิทธิ์สุดท้าย ที่ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อดีตเจ้าอาวาส วัดบ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2546 ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู
พระครูหมุน หรือ หลวงปู่หมุน “พระอมตะเถระ 5 แผ่นดิน” ถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.2437 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และมรณภาพในปี พ.ศ.2546 รัชกาลปัจจุบัน รวมสิริอายุยืนยาวถึง 109 ปี พรรษา 86
85 พรรษาแห่งการครองผ้ากาสาวพัตร ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย ใฝ่ใจแสวงหาความรู้และวิทยาการ ต่างๆ เวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับการออกธุดงควัตร มุ่งมั่นปฏิบัติตามแนวทางแห่งองค์พระศาสดา เพื่อความมั่นคง ถาวรแห่งพระบวรพุทธศาสนา ท่านเป็นพระเกจิสายพระป่าที่เคร่งครัดในกัมมัฎฐานอย่างแท้จริง เป็นพระเถราจารย์ผู้สูงส่งด้วยอภิญญาณสมาบัติ มีพลังจิตตานุภาพสูงส่งทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ จนเป็นที่ยกย่องสรรเสริญของพระเกจิด้วยกัน อย่างเช่น หลวงตามหาบัว ได้บอกกับลูกศิษย์ว่า อยากได้ วัตถุมงคลที่แรงด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ให้มาขอกับหลวงปู่หมุน หรือ หลวงพ่อกวย ก็ยังยกย่องว่าหลวงปู่ท่าน หมุนเก่งมากๆ
จากการศึกษาประวัติของหลวงปู่หมุน ท่านเริ่มเล่าเรียนอักษรไทย อักษรขอม และฝึกกัมมัฎฐานมาตั้งแต่ เป็นสามเณรจนอุปสมบทพระภิกษุ จาก พระอาจารย์สีดา เจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ผู้เชี่ยวชาญด้านกัมมัฎฐาน และวิทยาอาคม ในปี พ.ศ.2464 จึงเริ่มออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ศึกษาแสวงหาประสบการณ์โดย ได้ร่ำเรียนทั้งเวทย์วิทยาและสมถกัมมัฎฐานในชั้นที่สูงขึ้นไปจากครูบาอาจารย์หลายสำนัก ไปจนถึง ประเทศลาว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีอาทิ สำนักตักศิลาแห่งบ้านจิกใหญ่ จ.อุบลราชธานี อันเป็นแม่บทของคัมภีร์ปถมัง อิทธิเจ มหาราช นิสิงเห ซึ่งเป็นพื้นฐานแห่งอำนาจจิต, สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์, หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงปู่ทิม วัดช้างให้, พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน, หลวงปู่สี ฉันทสิริ, พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ, พระอาจารย์สิงห์ วัดป่าสาลวัน, หลวงพ่อสอน วัดเสิงสาง ฯลฯ นอกจากนี้ ยังนับเป็นหนึ่งในทายาทผู้สืบพุทธาคมในสาย สมเด็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ราชอาณาจักรลาว อีกด้วย
ประมาณปี พ.ศ.2467 หลวงปู่หมุนได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านจาน จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์ รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน ท่านก็ได้ปฏิบัติศาสนกิจตามที่ได้รับมอบหมายเป็น เวลาถึง 20 ปี จากนั้นจึงลาออกจากทุกตำแหน่ง ใช้ชีวิตที่เหลือบำเพ็ญสมณธรรมปฏิบัติวิปัสสนาธุระเพียง อย่างเดียว ประมาณปี พ.ศ.2487 อายุได้ 50 ปี ท่านได้ออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าดงดิบโดยลำพังอีกครั้ง ในช่วงนี้เองท่านได้พบอาจารย์จ่อยและอาจารย์ขวัญ วัดป่าหนองหล่ม ท่านทั้ง 2 จึงนิมนต์ให้โปรดญาติโยม ณ วัดป่าหนองหล่ม ระยะหนึ่ง
หลวงปู่หมุนเดินธุดงค์อยู่หลายสิบปี จนประมาณปี พ.ศ.2520 จึงกลับมายังวัดบ้านจาน ซึ่งในยามนั้น มีอายุกว่า 200 ปี สภาพทรุดโทรมมาก ท่านก็ได้พัฒนาและสร้างอุโบสถจนเสร็จสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยเหลือ ลูกศิษย์และสหธรรมิกอีกหลายวัด อาทิ วัดป่าหนองหล่ม, วัดโนนผึ้ง ,วัดซับลำไย และศิษยานุศิษย์ในการสร้าง ถาวรวัตถุและประโยชน์ต่างๆ ต่อพระพุทธศาสนา จนเป็นที่มาของวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมในหลาย ต่อหลายรุ่น ด้วยล้วนปรากฏพุทธคุณและปาฏิหาริย์อย่างครบครัน
หลังจากหลวงปู่หมุนมรณภาพลง ปรากฏว่าวัตถุมงคลของท่านกลายเป็นกระแสความศรัทธา และแสวงหา อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ วัตถุมงคลที่เกี่ยวกับ “เหล็กน้ำพี้” ที่ว่ากันว่าฉมังนัก และถือเป็นตำนาน การสร้างพระเครื่องที่ทำจาก “เหล็กน้ำพี้” โดยใช้กรรมวิธีแบบหล่อโบราณ ซึ่งพระเกจิที่สามารถทำได้ต้อง มีอภิญญาณสมาบัติชั้นสูง สามารถเพ่งกสิณทั้ง 4 จนทำให้ “เหล็กน้ำพี้” ซึ่งมีจุดหลอมเหลวสูงถึง 1,200 องศาเซลเซียล ละลายจนเทลงแม่พิมพ์ออกมาเป็นรูปแบบพระเครื่องได้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้วัตถุมงคล เหล็กน้ำพี้ของท่าน ยังไม่พบของทำเทียมเลียนแบบอีกด้วย
ในตระกูล “เหล็กน้ำพี้” ของหลวงปู่หมุน คงต้องยกให้ "เหรียญหล่อเหล็กน้ำพี้ หลังหนุมานเชิญธง มนต์พระกาฬ" เป็นที่สุด เพราะนับเป็นเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงปู่ และเป็นรุ่นเดียว ที่ได้บรรจุมนต์ พระกาฬสะท้อนกลับ นอกจากนี้ท่านยังอธิฐานจิตปลุกเสกเองตลอดไตรมาส จากนั้นจึงปลุกเสกครั้งใหญ่ สำทับเมื่อวันอาทิตย์ที่15 ตุลาคม พ.ศ.2543 ณ วัดบ้านจาน ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปเหมือน หลวงปู่หมุน นั่งลอยองค์ไม่มีอาสนะ ด้านหลังเป็นยันต์หนุมานเชิญธง ประการสำคัญคือ ท่านได้กล่าวถึง เหรียญรุ่นนี้ไว้ว่า "ผู้ใดคิดร้าย ผลร้ายนั้นย่อมสะท้อนกลับ หรือเพียงคิดเป็นศัตรู คนคิดก็แย่" ครับผม