ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานในพิธีมอบถ้วยและเหรียญรางวัลพร้อมเงินรางวัลบำรุงทีมในการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ ประจำฤดูกาล 2018-2019 ในรอบชิงชนะเลิศ รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี โดยมีนายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต,นายธรรมวรรธ วงศ์เจริญยศ กรรมการการ กกท. , พันโทรุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ ,นายวิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายส่งเสริมกีฬา  เข้าร่วม ณ สนามกีฬาสุระกุล จังหวัดภูเก็ต
สำหรับฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติในปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นฤดูกาลที่ 3 โดยความร่วมมือกันระหว่าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ,การกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่เปิดโอกาสนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนทั่วประเทศได้มีลีกฟุตบอลแข่งขัน เพื่อยกระดับและพัฒนาความสามารถส่งต่อไปสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพื่อเป้าหมายคือการพาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในปี 2026  ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 รุ่น รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี , 15 ปี , 17 ปี และ 19 ปี โดยในปีนี้ได้เดินทางมาถึงรอบสุดท้าย และในแต่ละสนามได้กระจายไปจัดตามภูมิภาค เพื่อสร้างกระแสตื่นตัวให้กับคนในต่างจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้นักกีฬาจำนวน 20 คน ที่ทำผลงานได้โดดเด่น จะถูกคัดเลือก ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่สโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังในบุนเดสลีก้า ของเยอรมันอีกด้วย
ส่วนผลการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนแห่งชาติ ประจำฤดูกาล 2018-2019 ในรอบชิงชนะเลิศ ในรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี  ทีมชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีมอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด  ด้วยการยิงประตูจุดโทษชนะทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ด สกอร์ 4-2 ประตู หลังจากเสมอกันในเวลาการแข่งขัน โดยได้รับเงินรางวัลบำรุงทีม จำนวน 1,000,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล อันดับที่ 2 รองชนะเลิศ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้รับเงินรางวัลบำรุงทีม จำนวน 500,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล ส่วนอันดับที่ 3  ทีมโปลิศ เทโร เอฟซี ได้รับเงินรางวัลบำรุงทีม จำนวน 200,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล อันดับ 4 ทีมสมุทรสาคร เอฟซี ได้รับเงินรางวัลบำรุงทีม จำนวน 100,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล ตามลำดับ
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เปิดเผยว่า การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุ 15 ปี เป็นรุ่นที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ต้องการพัฒนา และผลักดัน เพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ต่อไป ซึ่งเป็นแผนงานระยะยาวที่ได้วางไว้ โดยหลังจากนี้ เยาวชนชุดนี้จะมีการเก็บตัวและส่งไปแข่งขันรายการต่างๆ ระดับนานาชาติ เพื่อหาประสบการณ์ ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาใน 2 มิติ ทั้งผู้เล่น รวมไปถึงผู้ฝึกสอนด้วย  ซึ่งจะมีการอบรมและพัฒนาโค้ชในระดับภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กกท. และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำงานร่วมกันมากขึ้น เพื่อจะพัฒนานักกีฬาตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงระยะยาวถึง 10 ปี เพื่อสร้างรากฐานในทุกรุ่นอายุ ทั้ง รุ่น u 17, u 20 และ u 23 ซึ่งสนามต่อไป รุ่นอายุ 13 ปี ที่ จ.เชียงราย คาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้ภูเก็ตแน่นอน  ทั้งในการเป็นเจ้าภาพ การจัดการแข่งขัน รวมถึงความพร้อมในด้านต่างๆ เชื่อว่าเชียงรายจะทำได้ดีมาก
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เปิดเผยว่า การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุ 15 ปี เป็นรุ่นที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ต้องการพัฒนา และผลักดัน เพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ต่อไป ซึ่งเป็นแผนงานระยะยาวที่ได้วางไว้ โดยหลังจากนี้ เยาวชนชุดนี้จะมีการเก็บตัวและส่งไปแข่งขันรายการต่างๆ ระดับนานาชาติ เพื่อหาประสบการณ์ ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาใน 2 มิติ ทั้งผู้เล่น รวมไปถึงผู้ฝึกสอนด้วย  ซึ่งจะมีการอบรมและพัฒนาโค้ชในระดับภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กกท. และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำงานร่วมกันมากขึ้น เพื่อจะพัฒนานักกีฬาตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงระยะยาวถึง 10 ปี เพื่อสร้างรากฐานในทุกรุ่นอายุ ทั้ง รุ่น u 17, u 20 และ u 23 ซึ่งสนามต่อไป รุ่นอายุ 13 ปี ที่ จ.เชียงราย คาดว่าจะมีกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้ภูเก็ตแน่นอน  ทั้งในการเป็นเจ้าภาพ การจัดการแข่งขัน รวมถึงความพร้อมในด้านต่างๆ เชื่อว่าเชียงรายจะทำได้ดีมาก