“จรุงศักดิ์ ชะโกฏิ ประธานอนุกรรมการฝ่ายคดีและปฏิบัติการ สำนักคดีสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ นายณภพ พิทักษ์ เลขา และคณะกรรมการ นายสุรศักดิ์ กิตติคุณสมบูรณ์ นายเสริมสุข ขวัญปัญญา นายสมนึกสมศักดิ์ นายศิวพงษ์ จันทเวช อนุกรรมการฝ่ายคดี สำนักคดีสิ่งแวดล้อม สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบจริง” เมื่อวันศุกร์ที่ 19เม.ย. 62 ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่ 249 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ แกนนำตัวแทนแต่ละตำบลทั้ง 34 ตำบล 10 อำเภอ 5 จังหวัด พร้อมด้วยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนผลกระทบจากโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สาย วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ รอบที่ 3 ด้านตะวันตก จุด ขึ้น ลง ผ่ากลางหมู่บ้าน และไร่ นา สวน ของชาวบ้าน ประมาณ 300 กว่าคน เข้ายื่นเอกสารต่อ นาย “ดำรงศักดิ์ เครือแก้ว” อุปนายกสภาทนายความ ฝ่ายปฏิบัติการ” ขอความอนุเคราะห์ขอความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย เพื่อยุติการก่อสร้างถนนที่ไม่เป็นธรรม ชาวบ้านผู้อยู่อาศัยในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งไม่เห็นด้วย กับแนวผังเส้นทางของกรมทางหลวงที่จะเกิดขึ้น เพราะจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนมากมายและเป็นการละเมิดสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น เวลา 10.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนวัดลากค้อน หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี นายจรุงศักดิ์ ชะโกฏิ ประธานอนุกรรมการฝ่ายคดีและปฏิบัติการ สำนักคดีสิ่งแวดล้อม สภาทนายความ นายณภพ พิทักษ์ เลขา และคณะกรรมการ นายสุรศักดิ์ กิตติคุณสมบูรณ์ นายเสริมสุข ขวัญปัญญา นายสมนึกสมศักดิ์ นายศิวพงษ์ จันทเวช อนุกรรมการฝ่ายคดี สำนักคดีสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่พบชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง.สายวงแหวนรอบนอก รอบที่ 3 จุดขึ้นลง กลางทุ่งนาชาวบ้าน ประมาณ 40.หลังคาเรือนทำให้ไม่มีทางเข้าออก ขวางทางน้ำ และผลกระทบต่อการทำเกษตรกรรม ซึ่งนายจรุงศักดิ์ และคณะได้สอบถามข้อเท็จจริงจากชาวบ้านที่มาประชุมและรับฟังความคิดเห็นและข้อร้องเรียน ความต้องการของชาวบ้าน พร้อมเดินสำรวจตรวจสอบจุดขึ้นลงของโครงการก่อสร้างทางตามจุดต่างๆ ที่ชาวบ้านพาไป จนได้ข้อเท็จจริงพอสมควร คณะจะนำข้อร้องเรียนและข้อมูลจากการลงพื้นที่แจ้งให้บอร์ดบริหารและในเบื้องต้นจะทำหนังสือสอบถามหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนทางด้านนางสาวณัดยา เนียมหมวด แกนนำ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่มีที่พึ่งเพราะว่าที่ผ่านมาชาวบ้านไม่สามารถพึ่งข้าราชการท้องถิ่นได้เลย จะมีก็หน่วยงานเดียวที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายในขณะนี้ก็คือ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ชาวบ้านรู้สึกมีกำลังใจพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ไปกับทีมสภาทนายความให้ถึงที่สุด และขอขอบคุณทีมสภาทนายความทุกท่านที่ลงพื้นที่มาช่วยเหลือ พร้อมอธิบายความรู้ด้านกฎหมายว่าเราจะต้องดำเนินคดีฟ้องกับใคร หน่วยงานไหน