กลายเป็นประเด็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กับการนำเอาสิ่งที่ผิดในอดีตที่พึงจะมีการตัดสินคดีความในไม่กี่วันที่ผ่านมา ให้มาเป็นสิ่งที่ถูกในปัจจุบัน กับกรณี “หวยบนดิน” ที่ทางคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไฟเขียวให้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่นำโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณา ทั้งนี้หากมองย้อนไปในอดีตเมื่อปี 2546 รัฐบาลของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” (ยศในขณะนั้น) ได้มีมติให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯ ดำเนินการจำหน่ายสลากแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว เพิ่มเติมจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งแบบเดิม โดยในครั้งนั้นเป็นการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแบบวาระจร ซึ่งในการเสี่ยงโชคน้อยคนที่จะหวังถูกรางวัลที่ 1 - 5 โดยมากหวังซื้อเพื่อให้ถูกรางวัลเลขท้าย 2 และ 3 ตัว กับตัวเลขที่ตนเองสนใจ และหากเป็นเลขนิยมก็ทำให้สลากใบมีราคาสูงขึ้น และมีการรวมชุดเกิดขึ้น ขณะที่เส้นทางผิดกฎหมาย ที่เรียกว่า “หวยใต้ดิน” เน้นการออกเลขท้ายสองตัวและสามตัวเป็นหลัก มีผลตอบแทนอย่างงดงาม เพียงใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงไม่กี่สิบบาท ต่างกับสลากใบที่ต้องลงทุนเริ่มต้นที่ 80 บาท โดยมีรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งมีการพูดถึงว่าปีๆหนึ่งมีเงินไหลเวียนกับหวยใต้ดินนับแสนล้านบาทจากธุรกิจสีเทา มีรายงานระบุว่า ตั้งแต่ 1 ส.ค. 2546 – 16 ก.ย. 2549 สามารถทำรายได้ 123,339,840,730 บาท อย่างไรก็ตามมีการขาดทุน 7 งวดเป็นจำนวน 1.6 พันล้านบาท ถ้ามองในมุมของรายได้ที่จะขุดจาก “เงินใต้ดิน” ที่มีนับแสนล้านบาทต่อปี ขึ้นมาเป็น “เงินบนดิน” ก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในมุมมองกลับกัน คนก็สามารถมองได้ว่าเป็นการ “มอมเมา เพราะสามารถเล่นได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงที่จะโดนจับ ,ไม่ต้องเสี่ยงโดนโกง ,ไม่มีการอั้นเลข และไม่มีจ่ายครึ่งราคา เพราะเจ้ามือคือ “รัฐบาล” อีกทั้งในตามมติ ครม. ในตอนนั้น ระบุว่า เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารไม่เกิน 20% ส่วนที่เหลือนำมาสมทบเป็น “กองทุนเงินรางวัล” เพื่อนำไปจ่ายรางวัล ส่วนที่เหลือก็จะนำมาใช้ในโครงการต่างๆของรัฐบาล ทำให้มองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ “รัฐบาลทักษิณ” นำเงินไปใช้ในโครงการของรัฐบาลที่ส่อไปในทางมิชอบ และอาจทำให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหาย และเมื่อมีการรัฐประหารปี 2549 ก็ได้ยกเลิกการจำหน่ายหวยบนดิน และได้ให้ คณะกรรมการตรวจสอบการ กระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ที่ตั้งโดยคณะรัฐประหารเข้ามาตรวจสอบโครงการดังกล่าว ก่อนจะส่งต่อให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ จากนั้นเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาจำคุก 2 ปี นายทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากสร้างความเสียหาย ไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์การออกสลาก เป็นไปลักษณะเดียวกับหวยใต้ดิน เป็นการมอมเมาประชาชน แต่ไฉน!!!ล่าสุด “สำนักงานสลากกินแบ่งฯ” กลับมาสั่งให้ปัดฝุ่นการจำหน่าย “หวยบนดิน” ขึ้นมาทำอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบในการเสี่ยงโชค และแก้ไขปัญหาขายสลากใบเกินราคา ทั้งนี้ “พชร อนันตศิลป์” อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากกินฯ เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะการทำงานศึกษาการออกสลากรูปแบบใหม่ให้เสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อเสนอให้คณะกรรมการเห็นชอบในการประชุมปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากนั้นจะทำประชาพิจารณ์ผู้มีส่วนได้เสีย และเสนอให้รัฐบาลเห็นชอบภายในเดือนกันยายน โดยให้ “ธนวรรธน์ พลวิชัย” คณะกรรมการ เป็นประธานคณะทำงานชุดนี้ สำหรับการศึกษาการออกสลากรูปแบบใหม่ จะเสนอทั้งการออกสลาก 2 ตัว 3 ตัว หรือ 4 ตัว 5 ตัว รวมถึงการออกลอตโต้ แม้แต่การศึกษาสลากรูปแบบไม่ที่ใช่ตัวเลข อาจจะเป็นรูปภาพหรือตัวหนังสือแทน เหมือนการเล่นน้ำเต้าปูปลา โดยรูปแบบสลากใหม่จะต้องมีรางวัลแจ็กพอต และศึกษาการออกให้มีความถี่มากขึ้น ปัจจุบันประเทศออกสลากเดือนละ 2 ครั้ง ติดอันดับประเทศที่ออกสลากน้อยที่สุดในโลก “การออกสลากรูปแบบใหม่จะช่วยลดปัญหาหวยใต้ดินลดลงปีละ 50,000-100,000 ล้านบาท เพราะประชาชนต้องการซื้อของที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกโกง จากผลการศึกษาในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา มูลค่าการเล่นหวยใต้ดินขยายตัวจาก 100,000 ล้านบาท เป็น 500,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการออกสลากรูปแบบใหม่ จะไม่มีการลดหรือยกเลิกการพิมพ์สลากกินแบ่งปกติ โดยจะเป็นการดำเนินการคู่ไปด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย หวยใต้ดินและการขายสลากเกินราคา” “ธนวรรธน์ พลวิชัย” โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งฯ กล่าวว่า ขอบ เขตการศึกษาทำสลากฯออนไลน์แบบใหม่ จะมีการนำข้อมูลของประเทศเพื่อนบ้านด้วยว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการออกสลากฯให้มีความถี่เพิ่ม เพราะประเทศไทยติด 1 ใน 5 ประเทศที่มีสลากฯน้อยที่สุด และความถี่ต่ำเพียงเดือนละ 2 ครั้ง เชื่อว่าการออกสลากฯรูปแบบใหม่ ๆ จะช่วยแก้ปัญหาเกินราคาได้ ที่สำคัญในผลการศึกษาระบุว่า ปัญหาหวยใต้ดินรุนแรงขึ้นอย่างมาก ด้านภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องโดยตรง “บมจ.ล็อกซเล่ย์” ออกมายกแขนหนุนเต็มที่ โดย “สุรช ล่ำซำ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ล็อกซเล่ย์ กล่าวว่า บ.ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี หรือ แอลจีที มีความพร้อมเต็มที่ในการสานต่อโครงการดังกล่าว หากทางบอร์ดสลากมีมติให้เดินหน้าต่อ ซึ่งพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 น่าจะรองรับการทำสลากออนไลน์ได้ ส่วนเรื่องคดีความอยู่ในกระบวนการของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งบริษัทฯยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากทางสำนักงานสลากฯ ทั้งนี้บริษัทฯมีความตั้งใจที่จะดำเนินการอย่างจริงใจ เพราะเชื่อว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเป็นการแก้ไขปัญหาจำหน่ายสลากเกินราคาได้อีกด้วย ขณะเดียวกันก็มีแรงหนุนคนสำคัญอย่าง “นายกรัฐมนตรี” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกตัวหนุนว่า ป็นเพียงแนวคิด เท่าที่ทราบกำลังศึกษากันอยู่ จะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ หาข้อดีข้อเสียอีกครั้งว่าจะเป็นการมอมเมาหรือไม่ จะเป็นการให้คนเล่นหวยมากขึ้นหรือเปล่า วันนี้หลายครอบครัวเสียหายจากการเล่นหวย พอตนไปแตะมากๆ ก็ว่าอีก ความสุขคนจน ฉะนั้นกฎหมายว่าอย่างไรก็ไปว่ากันตรงนั้น “ในอดีตมันคนละเรื่องกัน จะบอกว่าวันนี้จะย้อนกลับไปอดีต มันไม่ใช่ ผมไม่ได้ทำแบบในอดีต ในอดีตมีการฝ่าฝืนกฎหมาย วันนี้ถ้าเขาจะทำก็ต้องมีกฎหมาย กฎกระทรวงอะไรเยอะแยะมากมาย เดิมที่มันผิดเพราะนำเงินไปใช้โดยการขาดการตรวจสอบ รู้บ้างหรือไม่ และไม่ส่งคืนรายได้กลับแผ่นดินเป็นแสนล้านบาท เขาผิดกันตรงโน้น วันนี้ผมยังไม่ได้สักบาท ยังไม่มีรายได้ และยังไม่ได้ทำด้วยซ้ำไป แล้วก็พูดกันไป เอาอันนี้ไปเทียบกับอันโน้น ซึ่งวันนี้โลกเปลี่ยนขึ้นเยอะหากจะทำต้องดูว่าต้องทำอย่างไร โดยต้องทำประชาพิจารณ์มา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ด้านคู่ปรับทางการเมือง “พรรคเพื่อไทย” เจ้าของโปรเจ็ก “หวยบนดิน” ออกมาแสดงมุมมองในการปัดฝุ่นหวยบนดินในครั้งนี้ โดย “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้เคยเสนอโครงการ “หวยบำเหน็จ” ซึ่งพรรคเพื่อไทย นำเสนอในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นนวัตกรรมทางนโยบายที่เหมาะสมกับสภาวะของประเทศไทยปัจจุบัน เพราะเป็นการผสมผสานวิถีชีวิตของคนไทยที่ชอบเสี่ยงดวง เข้ากับภาวะสังคมสูงวัยที่ขาดเงินออม โดยประชาชนสามารถลุ้นรางวัลเหมือนเดิม แต่ที่ต่างคือหากไม่ถูก เงินต้นทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในบัญชีส่วนตัว แล้วได้คืนทั้งหมดเมื่ออายุ 60 ปี คือ ซื้อเยอะ ได้ลุ้นเยอะ และเก็บออมได้เยอะในเวลาเดียวกัน จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการที่กระตุ้นให้เกิดการออม ผ่านการสร้างแรงจูงใจ โดยงบประมาณภาครัฐ เพื่อปรับโครงสร้างการออมของประเทศที่กำลังมีปัญหา “พรรคเพื่อไทยไม่ติดใจหากนายกรัฐมนตรีจะเอาโครงการนี้ไปปรับใช้ เพราะได้พูดไว้เสมอว่า เราต้องการเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ อะไรที่ดีก็แลกเปลี่ยนกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเราเสียดายนโยบายดีๆ แบบนี้ แต่ถ้า หากรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเอานโยบายที่ดีของพรรคคู่แข่งไปใช้ สามารถเปลี่ยนชื่อเป็น “หวยประชารัฐ” พรรคเพื่อไทยก็ไม่ขัดข้อง” สุดท้ายต้องรอการตัดสินใจของ “บอร์ดกองสลาก” ว่าจะสรุปผลอย่างไร จะเดินหน้า – พับเก็บลงใต้โต๊ะ! เพราะถ้าลงเอยว่า “เดินหน้า” ก็เท่ากับยอมรับว่าการทำ “หวยบนดิน” ของยุค “รัฐบาลทักษิณ” เป็นแนวทางที่ดี กลับมาปัดฝุ่น ทำใหม่ แม้จะพยายามบอกว่า “ไม่เหมือนกันก็ตาม” แต่ถ้า “พับเก็บ” ความพยายามแก้ไขปัญหา “หวยใต้ดิน” ก็ไร้ผล! เงินสีเทานับแสนล้านบาทก็ยังอยู่ใต้ดินต่อไป เป็นการวัดใจทั้ง “สำนักงานสลากกินแบ่งฯ-รัฐบาล” อีกครั้งที่สำคัญ!