“พปชร.” เอาคืนฝ่ายค้าน จ่อยื่นตรงศาลรธน. ขอให้วินิจฉัย 33 ส.ส.ขาดคุณสมบัติ เพราะถือหุ้นสื่อ “ทศพล” ขีดเส้นสัปดาห์หน้าร่างแก้ข้อกล่าวหาต้องเสร็จ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่อาคารทีโอที นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดี 21 ส.ส. ถือหุ้นสื่อ แถลงเตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย 33 ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านถือหุ้นสื่อ โดยนายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในวันนี้ตนจะขอใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบคุณสมบัติส.ส.ของพรรคฝ่ายค้าน 33 ราย ประกอบด้วย พรรคอนาคตใหม่ 21 คน เพื่อไทย 4 คน เพื่อชาติ 4 คน เสรีรวมไทย 3 คน และประชาชาติ 1 คน โดยจะนำคำวินิจฉัยของศาลที่ยกคำร้องส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 9 ราย มาเป็นหลักในการพิจารณา ทำให้จำนวนส.ส.ที่เดิมตั้งใจจะยื่นให้ศาลตรวจสอบคุณสมบัติกว่า 50 ราย ลดลงเหลือ 33 ราย เนื่องจากเราตรวจสอบวัตถุประสงค์การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท และห้างหุ้นส่วน พบว่าระบุเพียงประกอบกิจการค้ากระดาษ เครื่องเขียน หนังสือพิมพ์ อย่างไรก็ตาม การเข้ายื่นเรื่องโดยตรงต่อศาลไม่ยื่นผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะเชื่อว่าเป็นช่องทางที่สามารถทำได้ และหากยื่นผ่านประธานสภาอาจมีความล่าช้า เพราะประธานสภาอาจหยิบยกเหตุผลตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า คำร้องปมหุ้นส.ส. ยังไม่ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งอาจทำให้สภาไปเริ่มต้นขั้นตอนดังกล่าว ด้านนายทศพล กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมาย และส.ส.มองว่า ประเด็นหุ้นสื่อมีความจำเป็นที่ต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 มีช่องทางให้บุคคลธรรมดา ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคุณสมบัติ ส.ส. ได้ หากยื่นไปแล้ว ศาลไม่รับคำร้อง ก็พร้อมจะไปยื่นเรื่องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อถามถึงการเตรียมหลักฐานให้ 21 ส.ส.เข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายทศพล กล่าวว่า แม้ศาลจะยังไม่ส่งสำเนาคำร้องอย่างเป็นทางการมายัง 21 ส.ส. แต่ภายในสัปดาห์หน้า ต้นร่างที่จะแก้ไขข้อกล่าวหาต้องเสร็จก่อน โดยจะยกร่างจากสำเนาคำร้องที่ตนไปยื่นขอคัดมาจากศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะนำมาปรับแก้ไขรายละเอียดตามแต่ละบุคคล ส่วนจะจำเป็นต้องขอขยายเวลายื่นหลักฐานชี้แจงแก้ข้อกล่าหาหรือไม่ ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะในบางกรณีอาจติดขัดเรื่องการขอเอกสารราชการ ซึ่งต้องใช้เวลา นอกจากนี้จำนำรายละเอียดคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีของนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัครส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.สกลนคร และคดีของนายคมสัน ศรีวนิชย์ ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาชาติ จ.อ่างทอง มายื่นขอให้ศาลวินิจฉัย เพราะข้อเท็จจริงทั้ง 2 คดีไม่เหมือนกัน จึงมีความจำเป็นต้องนำรายละเอียดทั้งหมดมาวิเคราะห์ เพื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา นายทศพล กล่าวอีกว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีคำสั่งให้ 21 ส.ส. ของพรรคต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นต่อไปจึงต้องนำเสนอข้อเท็จจริงต่อศาล เพื่อให้เห็นว่าส.ส.ทั้ง 21 คน ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพต้องสิ้นสุดลง