“ ผมเป็นคนที่อยู่ในแวดวงการเมืองมานานพอสมควร รวมทั้งเครดิตทางการเมืองของผมไม่เคยเสีย การรับปากกับใครก็ตาม จะรักษาคำพูด และทำตามที่ตัวเองรับปากไว้
ฉะนั้น ในกลุ่มพี่น้องที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคเล็ก พรรคน้อย ส่วนใหญ่รู้จักกันอยู่แล้ว และผมพอจะมีเครดิตในการเจรจาพูดคุย”
นาทีนี้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ” ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เพราะแม้สถานะอย่างเป็นทางการ ร.อ.ธรรมนัส คือส.ส.พะเยา แต่บทบาทและภารกิจที่อยู่ในมือ กลับโดดเด่นถูกจับตามองในฐานะ “มือประสานสิบทิศ” ตัวจริง เสียงจริง ที่ส่งตรงมาจาก “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ปัญหาการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งรัฐบาล “ประยุทธ์ 2/1” ดำเนินไปด้วยความไม่ราบรื่น ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเก้าอี้รัฐมนตรีในครม.นั้นมีไม่เพียงต่อการตอบสนองให้ได้กับ ทุกพรรคร่วมรัฐบาล และแม้แต่ภายในพรรคพลังประชารัฐ เองยังเจรจาหาจุดลงตัวได้ยาก
เมื่อคราวที่มีข่าวว่า “10พรรคเล็ก” ออกอาการไม่พอใจ เพราะไม่ได้รับโควต้ารัฐมนตรีเลยสักกระทรวง จนร่ำๆว่าจะขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ก็ปรากฎว่าภายในวันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรค พปชร. มาร่วมแถลงข่าวกับตัวแทน10 พรรคเล็ก ยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดๆ ไม่มีการถอนตัวและพร้อมที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ให้ทำหน้าที่ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีคนตาดี เห็น ร.อ.ธรรมนัส แวะเวียนไปร้านกาแฟ ใกล้กับที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อคราวที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะลงมติเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯหรือไม่ ก่อนวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา
จนมาล่าสุด ก็เป็น ร.อ.ธรรมนัส ที่ทำหน้าที่เคลียร์ใจกับ กลุ่มอีสานตอนบนของ เอกราช ช่างเหลา และ กลุ่มด้ามขวานไทย นำโดย “พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล”ที่ประกาศจะทบทวนจุดยืนทางการเมือง หลังไม่พอใจเรื่องการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี จนเกิดภาพการแถลงข่าวร่วมกันอย่างชื่นมื่น ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ทีผ่านมา เสมือนว่าไม่เคยมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น
“ ผมได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มาประสานพูดคุยกับกลุ่มภาคอีสานตอนบน และกลุ่มภาคใต้ประมาณ 2 ชั่วโมง จนได้ข้อสรุปจากการหารือ ว่าส.ส.ภาคใต้ 13 คน และอีสานตอนบน จะขับเคลื่อนนโยบายและทำงานกับพรรคต่อ ทั้งภาคอีสานและภาคใต้ ไม่ได้เรียกร้องตำแหน่ง แต่เป็นห่วงว่าจะผลักดันการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างไร
เรื่องนี้นายกฯจะมอบหมายให้มีรัฐมนตรีมาช่วยกำกับดูแลงาน ส่วนตำแหน่งทางการเมืองอื่น ทั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือเลขาฯ อยู่ที่นายกฯพิจารณาบุคคล ซึ่งทั้งสองกลุ่มพอใจ” ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ก่อนปิดฉากความวุ่นวายด้วยรอยยิ้ม และความพอใจของทุกฝ่าย
ทั้งนี้ “สยามรัฐ” มีโอกาสได้พูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส เพื่อถามในสิ่งที่หลายคนอยากรู้ว่า อะไรที่ทำให้ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นสงบ ลงได้
- ถูกมองว่า กลายเป็นมือประสาน สามารถสยบปัญหาระหว่างพรรคร่วม และกลุ่ม ส.ส.ต่างๆ
ผมมีหลักการทำงานว่า คนที่เข้ามาเป็น ส.ส.ทุกคน หรือคนไม่ได้มีโอกาสได้เป็น ส.ส. ก็ตาม การเข้ามาเล่นการเมืองมีวัตถุประสงค์เหมือนกันหมด คือ ต้องตอบโจทย์ชาวบ้านได้ ถ้าไม่สามารถตอบโจทย์ได้ จะกลายเป็น ส.ส. เฉพาะกาล อยู่ได้ไม่นาน
ดังนั้น พี่น้องแต่ละภาค แต่ละจังหวัดที่เรียกร้องหลายๆ อย่าง เขาตอบชาวบ้านไม่ได้ว่า จะทำอะไรเพื่อชาวบ้านได้บ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นต้องเข้าใจโจทย์ตรงนี้ เมื่อเข้าใจเราก็ต้องแก้ปัญหาให้เขาว่า เราจะทำอย่างไร ที่ให้เขาสามารถกลับไปตอบชาวบ้านได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เขา
-ใช้พาวเวอร์ ในการไกลเกลี่ยปัญหา พรรคร่วม หรือกลุ่มส.ส. อย่างไร
และด้วยเอกลักษณ์ส่วนตัว ซึ่งผมเป็นคนที่อยู่ในแวดวงการเมืองมานานพอสมควร รวมทั้งเครดิตทางการเมืองของผมไม่เคยเสีย การรับปากกับใครก็ตาม จะรักษาคำพูด และทำตามที่ตัวเองรับปากไว้ ฉะนั้น ในกลุ่มพี่น้องที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคเล็ก พรรคน้อย ส่วนใหญ่รู้จักกันอยู่แล้ว และผมพอจะมีเครดิตในการเจรจาพูดคุยกับ พี่น้อง ส.ส. ที่มาจากพรรคเล็ก พรรคน้อย
ดังนั้น การที่ถามว่า ใช้วิธีการ บารมี หรือพาวเวอร์อะไร คงต้องบอกว่า ผมใช้เครือข่าย คอนเน็คชั่น ที่สะสมมานานหลายปี ในการพูดคุยตรงนี้มากกว่า
-ทำไมผู้ใหญ่ ไว้วางใจให้เป็นผู้ประสานงาน
ผลงานของผม ตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นโยบายชัดเจน ผมดูแลเขตเลือกตั้ง 64 เขต การเอาจริงเอาจังของผม เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่เห็นว่า ผมทำงานเอาจริงเอาจัง และตอบโจทย์ผู้ใหญ่ได้ จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ ให้เป็นผู้เจรจรา หรือแก้ปัญหาต่างๆ และไม่ใช่แค่เรื่องการร่วมรัฐบาล รวมทั้งปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องแก้
-ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน พรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยหรือไม่
ตั้งแต่สภาฯ เปิดมา จนถึงทุกวันนี้ ผมก็เป็นตัวหลักในการประสานพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านอยู่แล้ว ในการขับเคลื่อนหลายๆ เรื่อง ซึ่งการประชุมสภาฯ ทุกครั้ง ต้องมีการคุยนอกรอบถึงจะไปราบรื่น ถ้าไม่มีการคุยนอกรอบ จะเกิดปัญหามากมายตามมา
เรื่อง : พุทธชาติ แซ่เฮ้ง

