เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.62) พ.ต.อ.จรัส เส็มสัน ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังจากสืบทราบว่ากลุ่มมือปืน 2 ใน 4 ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด ดักยิงชาวบ้านขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์จะไปทำพิธีละหมาดยังมัสยิดภายในหมู่บ้านยือลาแป ม.3 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ออกมาปรากฏตัวในหมู่บ้าน จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สาคร พรมโชติ รอง ผกก.สืบ สภ.รือเสาะ สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันเข้าปิดล้อมบุกจับตัวผู้ต้องหามาสอบสวนยัง สภ.รือเสาะ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลา 18.10 น.วันที่ 3 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ทำให้นายดอหะ ตาตา อายุ 68 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือ 1.นายซิง หลง อายุ 25 ปี (รับสารภาพเป็นมือปืนยิงผู้ตาย สวมหมวกไหมพรมสีน้ำเงิน) เป็นคนในพื้นที่หมู่ 3 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส 2.นายรัน หะดิง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/1 ม.4 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส (รับสารภาพเป็นคนขับรถ สวมหมวกไหมพรมสีแดง)
จากการสวนสวนขยายผลของ พ.ต.อ.จรัส เส็มสัน และเจ้าหน้าที่สืบสวน ทราบว่า นายซิง (มือปืน) ให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด ยิงผู้ตายจริงในวันเกิดเหตุ โดยมีเรื่องส่วนตัวและผิดใจกับผู้ตาย จึงได้วางแผนและติดตามพฤติกรรมของผู้ตายว่าไปไหนมาไหนในเวลาใดบ้าง จากนั้นจึงทำการติดตามเพื่อรอจังหวะดักยิง และเมื่อสบโอกาส จึงได้ร่วมกับพวกอีก 3 คน ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน กว 1199 สงขลา ไล่ติดตามและยิงใส่ผู้ตายขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์บนถนนใกล้มัสยิดบ้านยือลาแปหลายนัก จนล้มและเสียชีวิตคาที่ จากนั้นจึงพากันหลบหนี
หลังจากสอบสวนผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปทำแผนประกอบคำรับสารทั้ง 7 จุด ก่อนที่จะนำตัวเข้าห้องขังและเตรียมส่งศาลดำเนินคดีต่อไป
สำหรับจุดต่างๆที่ผู้ต้องหารับสารภาพ ประกอบด้วย 7 จุด คือ จุดที่ 1 เป็นที่โรงแปรรูปไม้ยางบ้านยือลาแป เพื่อดักรอผู้ตายขับรถผ่าน ก่อนจะตามไปยิง จุดที่ 2.เป็นจุดยิงครั้งแรก แต่กระสุนด้าน จึงย้ายไปจุดที่ 3.ห่างจากจุดที่ 2 ราว 500 เมตร เป็นจุกที่สามารถยิงได้ 1 นัด เป็นครั้งที่ 2 จุดที่ 4.เป็นจุดที่ผู้ตายถูกยิงและรถเสียหลักล้มลงข้างทาง แล้วคนร้ายขับมาจ่อยิงซ้ำอีก 3 นัดซ้อน จนผู้ตายแน่นิ่งเสียชีวิต จุดที่ 5.เป็นจุดที่นำรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไปแอบซ่อนก่อนจะย้ายไปพื้นที่อื่น จุดที่ 6.เป็นจุดที่คนร้ายทั้งหมดมานั่งพักที่ขนำในป่าเพื่อนร่วมกันดื่มน้ำใบกระท่อม และจุดที่ 7. เป็นจุดที่คนร้ายนำปลอกกระสุนปืนที่ก่อเหตุมาทิ้งไว้ในลำคลอง
ด้าน พ.ต.อ.จร้ส เส็มสัน ผกก.สภ.รือเสาะ กล่าวว่า คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ ยังหลบหนีอยู่อีก 2 คน ซึ่งขณะนี้รู้ตัวหมดแล้ว ขอให้รีบออกมามอบตัวสู้คดี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปจับกุม ซึ่งหากมีการต่อสู้ก็อาจจะต้องใช้ความรุนแรง เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีร้ายแรง และหากออกมามอบตัวผู้ต้องหายังสามารถสู้คดีจากหนักกลายเป็นเบาได้ และหากผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ยังหลบหนีอยู่คาดว่าไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมตัวมาได้อย่างแน่นอน.
จากการสวนสวนขยายผลของ พ.ต.อ.จรัส เส็มสัน และเจ้าหน้าที่สืบสวน ทราบว่า นายซิง (มือปืน) ให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด ยิงผู้ตายจริงในวันเกิดเหตุ โดยมีเรื่องส่วนตัวและผิดใจกับผู้ตาย จึงได้วางแผนและติดตามพฤติกรรมของผู้ตายว่าไปไหนมาไหนในเวลาใดบ้าง จากนั้นจึงทำการติดตามเพื่อรอจังหวะดักยิง และเมื่อสบโอกาส จึงได้ร่วมกับพวกอีก 3 คน ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน กว 1199 สงขลา ไล่ติดตามและยิงใส่ผู้ตายขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์บนถนนใกล้มัสยิดบ้านยือลาแปหลายนัก จนล้มและเสียชีวิตคาที่ จากนั้นจึงพากันหลบหนี
หลังจากสอบสวนผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปทำแผนประกอบคำรับสารทั้ง 7 จุด ก่อนที่จะนำตัวเข้าห้องขังและเตรียมส่งศาลดำเนินคดีต่อไป
สำหรับจุดต่างๆที่ผู้ต้องหารับสารภาพ ประกอบด้วย 7 จุด คือ จุดที่ 1 เป็นที่โรงแปรรูปไม้ยางบ้านยือลาแป เพื่อดักรอผู้ตายขับรถผ่าน ก่อนจะตามไปยิง จุดที่ 2.เป็นจุดยิงครั้งแรก แต่กระสุนด้าน จึงย้ายไปจุดที่ 3.ห่างจากจุดที่ 2 ราว 500 เมตร เป็นจุกที่สามารถยิงได้ 1 นัด เป็นครั้งที่ 2 จุดที่ 4.เป็นจุดที่ผู้ตายถูกยิงและรถเสียหลักล้มลงข้างทาง แล้วคนร้ายขับมาจ่อยิงซ้ำอีก 3 นัดซ้อน จนผู้ตายแน่นิ่งเสียชีวิต จุดที่ 5.เป็นจุดที่นำรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไปแอบซ่อนก่อนจะย้ายไปพื้นที่อื่น จุดที่ 6.เป็นจุดที่คนร้ายทั้งหมดมานั่งพักที่ขนำในป่าเพื่อนร่วมกันดื่มน้ำใบกระท่อม และจุดที่ 7. เป็นจุดที่คนร้ายนำปลอกกระสุนปืนที่ก่อเหตุมาทิ้งไว้ในลำคลอง
ด้าน พ.ต.อ.จร้ส เส็มสัน ผกก.สภ.รือเสาะ กล่าวว่า คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ ยังหลบหนีอยู่อีก 2 คน ซึ่งขณะนี้รู้ตัวหมดแล้ว ขอให้รีบออกมามอบตัวสู้คดี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปจับกุม ซึ่งหากมีการต่อสู้ก็อาจจะต้องใช้ความรุนแรง เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีร้ายแรง และหากออกมามอบตัวผู้ต้องหายังสามารถสู้คดีจากหนักกลายเป็นเบาได้ และหากผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ยังหลบหนีอยู่คาดว่าไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมตัวมาได้อย่างแน่นอน.