ตรัง/ พอช. จับมือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ลงนามบันทึกความร่วมมือส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อชุมชน เป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ระยะเวลาความร่วมมือ 2 ปี งบสนับสนุนไม่เกินโครงการละ 500,000 บาท นำร่องใช้อากาศยานไร้คนขับหรือ ‘โดรน’ ส่งเสริมการท่องเที่ยว-ปกป้องพะยูน 180 ตัวที่เกาะลิบง จ.ตรัง ยกเคส ‘มาเรียม’ พะยูนน้อยเป็นต้นแบบความร่วมมืออนุรักษ์และดูแลระบบนิเวศน์ในทะเล ตามที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีแนวทางความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อชุมชน เปิดโอกาสให้ชุมชนในชนบทเสนอโครงการเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ มาสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตร แปรรูป ท่องเที่ยวโดยชุมชน ฯลฯ วงเงินสนับสนุนไม่เกินโครงการละ 500,000 บาท ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมา มีโครงการต่างๆ เสนอขอรับการสนับสนุนเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้ผ่านการอนุมัติจาก depa แล้ว 3 โครงการ เช่น โครงการใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เกาะลิบง จ.ตรัง ล่าสุดวันนี้ (14 มิถุนายน) เวลา 10.00 น. ที่ โรงแรมเรือ รัษฎา จังหวัด ตรัง มีการเปิดโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเลเกาะลิบง โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวและพัฒนาอาชีพเกาะลิบง ซึ่งได้รับการอนุมัติและสนับสนุนโครงการจาก depa แล้ว จะใช้โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับที่ได้รับการสนับสนุนจาก depa มาใช้ในการถ่ายภาพทางอากาศเพื่อติดตามฝูงพะยูนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งเกาะลิบง รวมทั้งเฝ้าระวังการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ ยังมีการลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการส่งเสริม สนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลแก่ชุมชน ระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) โดย ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผอ. depa และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โดยนายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.พอช. มีนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และนายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยานการลงนามในครั้งนี้ ยกเคส‘มาเรียม’เป็นต้นแบบความร่วมมืออนุรักษ์ท้องทะเล“พะยูนอยู่ได้ คนอยู่ได้” นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในการสนับสนุนชุมชนในการใช้เทคโนโลยีดิจิตัลครั้งนี้เป็นการตอบโจทย์ของชุมชน โดยเฉพาะกรณีการใช้โดรนที่เกาะลิบง ซึ่งเป็นแหล่งอยู่อาศัยแหล่งใหญ่ของพะยูนประมาณ 180 ตัว ถือเป็นเมืองหลวงของพะยูน และแสดงถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ในเกาะลิบง ซึ่งการใช้โดรนบินถ่ายภาพพะยูนจะทำให้ไม่รบกวนการอยู่อาศัยของพะยูน และจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านด้วย “กรณีของพะยูน ‘น้องมาเรียม’ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการร่วมมือกันดูแลพะยูน ทั้งหน่วยงานราชการ ชาวบ้าน และภาคเอกชน เพราะตอนนี้มาเรียมมีอายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาดูแลให้มาเรียมมีอายุประมาณ 1 ปี เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรง สามารถไปใช้ชีวิตกับพะยูนตัวอื่นๆ ได้ ขณะที่การใช้โดรนเฝ้าระวังพะยูนจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย คือพะยูนก็อยู่ได้ ชาวบ้านอยู่ได้ มีรายได้จากการส่งเสริมการท่องเที่ยว และยังช่วยกันดูแลและส่งเสริมระบบนิเวศน์ของท้องทะเลด้วย” ผวจ.ตรังกล่าว นายอีสมาแอน เบ็ญสอาด ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวและพัฒนาอาชีพเกาะลิบง กล่าวว่า เกาะลิบงเป็นแหล่งอยู่อาศัยของพะยูนแหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีหญ้าทะเลที่เป็นอาหารของพะยูนอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ มีพะยูนอาศัยอยู่ประมาณ 170-180 ตัว จากพะยูนทั้งหมดในท้องทะเลไทยที่มีอยู่ประมาณ 200 ตัว แต่ที่ผ่านมามีเรือประมงต่างถิ่นลักลอบเข้ามาทำประมงผิดกฎหมาย ทำให้หญ้าทะเลถูกทำลาย และบางครั้งก็มาลักลอบจับพะยูนไปด้วย “เราจะใช้โดรนขึ้นบินตรวจพื้นที่จุดเสี่ยงที่อาจจะมีเรือประมงลักลอบเข้ามาทำประมงผิดกฎหมาย หรือเข้ามาจับพะยูน หรือมาขโมยตัดไม้บนเกาะเพื่อเอาไปขาย โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน เพราะโดรนสามารถบินตรวจการณ์ได้ นอกจากนี้ยังใช้โดรนบินถ่ายภาพฝูงพะยูนแล้วต่อสัญญาณภาพมาที่จอโปรเจคเตอร์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดู ไม่ต้องนั่งเรือลงไปดูใกล้ๆ เป็นการรบกวนพะยูน และอาจทำให้พะยูนได้รับอันตราย เพราะเมื่อก่อนเคยมีเรือสปีดโบ๊ทพานักท่องเที่ยวมาดูแล้วชนพะยูนท้องแก่ตาย”ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากโดรนเพื่อปกป้องทรัพยากรและส่งเสริมการท่องเที่ยวบนเกาะลิบง นายอีสมาแอน  เบ็ญสอาด ทั้งนี้ depa ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อโดรนจำนวน 1 ลำ ในราคา 366,700 บาท โดยชาวบ้านเกาะลิบงร่วมสมทบเงินเพื่อซื้อโดรนจำนวน 150,000 บาท ซึ่งตามแผนงานจะสามารถนำโดรนมาใช้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ นายชัยพฤกษ์ วิระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบง กล่าวว่า ตนเข้ามาทำงานที่เกาะลิบงเมื่อปี 2554 ซึ่งในปีนั้นมีพะยูนตายประมาณ 10 ตัว ส่วนใหญ่ตายเพราะติดอยู่ในเครื่องมือประมง โดยเฉพาะอวนปลาหมึก และเบ็ดราไวย์ ต่อมาจึงได้มีการรณรงค์เพื่อไม่ให้ชาวประมงใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งวางทุ่นเพื่อไม่ให้เข้ามาทำประมงในเขตหญ้าทะเลและแหล่งอยู่อาศัยของพะยูนซึ่งก็ได้ผล ทำให้มีพะยูนเพิ่มขึ้นทุกปีๆ ละ 10-11 คู่ และมีอัตราการตายน้อยลงเรื่อยๆ “ปีนี้มีพะยูนตายประมาณ 3 ตัว ซึ่งเราจะต้องร่วมกันดูแลพะยูนให้มีอัตราการตายไม่เกิน 5 ตัวต่อปี เพราะหากเกินจำนวนนี้ จะทำให้พะยูนในท้องทะเลไทยซึ่งเป็นสัตว์หายากสูญพันธุ์ภายใน 10 ปี นอกจากนี้จะต้องระวังเรื่องผลกระทบจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องน้ำเสียจากรีสอร์ทและชุมชน มลพิษ และขยะ เพราะจากการตรวจพิสูจน์ซากพะยูนที่ตาย พบว่ามีการติดเชื้อหนอง ซึ่งอาจจะมาจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้นต่อไปนี้เราจะต้องมีความเข้มงวดเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น เพื่อให้พะยูนและสัตว์อื่นๆ อยู่ได้ มนุษย์ก็อยู่ได้” หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบง กล่าว เจ้าหน้าที่ช่วยป้อนนมให้มาเรีย นอกจากนี้หัวหน้าเขตฯ ยังกล่าวด้วยว่า ตนสนับสนุนให้มีการใช้โดรนเพื่อดูแลพะยูน เพราะหากเป็นช่วงน้ำแห้งหรือตอนกลางคืนจะออกเรือไปดูแลพะยูนไม่สะดวก แต่โดรนสามารถทำได้ เพราะมีระบบการถ่ายภาพตอนกลางคืน และอยากให้นักท่องเที่ยวดูฝูงพะยูนจากภาพถ่ายจากโดรน หรือขึ้นไปดูบนเขา ไม่ใช่นั่งเรือไปดูซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพะยูน พอช.จับมือ depa ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิตัลชุมชน นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.พอช. กล่าวถึงบทบาทภารกิจของ พอช.ในการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อชุมชนในด้านต่างๆ เช่น การประสานงาน การเอื้ออำนวยให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีฯ แก่องค์กรชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ภาคประชาสังคม และเสนอพื้นที่เป้าหมายที่มีศักยภาพและความพร้อม รวมถึงหนุนเสริมการพัฒนาศักยภาพของพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีฯ นอกจากนี้ ยังมีการติดตาม สนับสนุนการนำใช้เทคโนโลยีฯ ในพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นตามเป้าหมายและผลลัพธ์ที่กำหนดเอาไว้ ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผอ. depa กล่าวถึงบทบาทภารกิจของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามความร่วมมือในครั้งนี้ว่า depa จะให้คำปรึกษา ให้ข้อมูล นโยบาย และมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นในการขับเคลื่อนงานพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ประสาน เชื่อมโยงหน่วยงาน สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อเข้าร่วมหนุนเสริมพื้นที่เป้าหมาย รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีฯ แก่องค์กรชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน รวมถึงภาคประชาสังคม ตามที่ได้รับการสนับสนุนและประสานงานจาก พอช. 6 / พิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง พอช.กับ depa ที่จังหวัดตรัง พิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง พอช.กับ depa ที่จังหวัดตรัง อย่างไรก็ตาม นอกจากการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เกาะลิบงแล้ว ยังมีโครงการที่ผ่านการอนุมัติจาก depa อีก 2 โครงการ คือ การใช้ภาพถ่ายและวิดีโอภาพเสมือนจริง (Virtual Reality) เพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตำบลโนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และโครงการเทคโนโลยีการพ่นสารน้ำทางการเกษตรด้วยอากาศยานไร้คนขับ ตำบลคลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว นอกจากนี้ยังมีอีก 12 โครงการที่กลุ่มวิสาหกิจ สหกรณ์ และเครือข่ายองค์กรต่างๆ เสนอโครงการเข้ามาและอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติโครงการจาก depa เช่น ระบบสัญญาณเซนเซอร์เพื่อเตือนภัยช้างป่า ตำบลพวา อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี, เครื่องวัดระดับอ๊อกซิเจนบ่อเลี้ยงปลาดิจิทัล สหกรณ์การประมงบางจะเกร็ง-บางแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสาคร, ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์การจัดการร้านค้าชุมชน ตำบลท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ฯลฯ ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้ depa จะให้งบประมาณสนับสนุนไม่เกินโครงการละ 500,000 บาท นายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า การลงนามในวันนี้จะเป็นกลไกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยเฉพาะที่เกาะลิบงที่จะใช้โดรนมาเป็นเครื่องมือ โดยมีหน่วยงานและภาคีต่างๆ 7 ภาคส่วน เช่น พอช. depa จังหวัดตรัง บริษัทประชารัฐรักสามัคคี จ.ตรัง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หน่วยงานในท้องถิ่น ภาคประชาชน และชุมชน ร่วมกันหนุนเสริม และแบ่งหน้าที่กันทำงาน แม้ว่าจะมีปัญหาอุปสรรค แต่ทุกหน่วยงานก็จะต้องร่วมกันฟันฝ่า เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย คือความสมบูรณ์พูนสุขของพี่น้องประชาชน