นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุข้อความว่า...ข้าพเจ้าเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถึงน้องธนาธร อาจารย์ปิยะบุตรและคุณพรรณิการ์ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นผู้ใดมีความสุขในชีวิตครบครัน บ้างก็ป่วย บ้างก็ถูกด่าสาปแช่ง บ้างก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่เร่ร่อนไปทุกหนทุกแห่งเหมือนสัมภเวสี เมียอยู่ทาง ลูกอยู่ทาง พี่น้องผองเพื่อนญาติมิตรก็ไม่อยากเข้าใกล้เข้าไปยุ่งสุงสิงด้วย บ้างป่วย บ้าบอ จิตวิปริต คนเขารังเกียจพาลไปถึงพ่อแม่ สิ่งเหล่านี้ข้าพเจ้าเชื่อว่าเกิดจากการไปลบหลู่ดูหมิ่นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงคุณงามความดีเพียบพร้อมด้วยพระจริยวัตร ข้าพเจ้าเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินนี้ที่ชื่อว่าเมืองไทย เป็นแผ่นดินแม่ที่สงบร่มเย็นมีความสุข พระเจ้าแผ่นดินทรงทศพิธราชธรรม เป็นแบบอย่างความงดงามทั้งปวง พระบารมีของพระองค์ได้ทำให้พสกนิกรมีความรัก ศรัทธา และยึดมั่นเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ สิ่งเหล่านี้บังเกิดในหัวใจอย่างอัตโนมัติ มิได้เพียงชาติกำเนิดในราชสกุลที่สูงส่ง แต่พระองค์ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินอย่างพระมหาจักรพรรดิ์ จึงมิมีผู้ใดจะมาเทียบเท่าพระบารมีหรือทัดเทียมได้ นี่แหละคือเครื่องมือก่อกำเนิดพระบารมีและอาวุธอันทรงพลานุภาพไปพร้อมๆกัน กลุ่มคนที่คิดร้ายก่อหวอดหวังล้มซึ่งความเชื่อความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อพระเจ้าแผ่นดินจึงพ่ายแพ้พระบารมี จนบังเกิดความประมาทแพ้ภัยตนเองในที่สุด ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้นว่าใครทำอะไรก็ได้รับผลเร็วทันตา ยิ่งเป็นพวกนักการเมืองหรือข้าราชการที่ปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ต่อหน้าพระครุฑ ยิ่งดับสูญสิ้นซากอย่างรวดเร็ว การกระทำที่คิดร้ายเป็นภัยแก่บ้านเมืองของคนเหล่านี้ จึงถูกผู้คนนำมาแฉ นำมาเปิดเผย ในยุคสมัยใหม่ที่รวดเร็วทันใจ การทำเทียมเจ้าให้ร้ายป้ายสีดูหมิ่นเหยียดหยามพระองค์ท่านมันจึงส่งผลเร็ว กรรมที่ติดจรวดมันเร็วเท่ากับตกนรกแบบตายทั้งเป็น ไม่ต้องรอชีวิตหลังความตาย เอาตอนที่มีชีวิตอยู่นี่แหละ ความเครียด ความทุกข์ร้อน ความหวาดระแวง ความผิดปกติสุขจากชีวิตประจำวันจะเป็นตัวเร่งให้มวลโรคร้ายเข้าโหมกระหน่ำทั้งร่างกายและจิตใจเกินกว่าที่จะเยียวยารักษาหาย ไม่มียาใดๆที่จะรักษาได้ แม้แต่ข้ออ้างประชาธิปไตยตัวอย่างมากมายมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าคิดได้ตั้งสติได้กลับเนื้อกลับตัวเสียแต่ตอนนี้ เคราะห์ร้ายที่ตามติดก็จะเบาบางลง จงระลึกเสมอว่าไม่มีใครแก้กรรมเราได้นอกจากตัวเราเอง