นางสาวพิมพ์ปวีณ์ นพกิจกำจร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาดของเอ็กซ์พิเดีย กรุ๊ป กล่าวถึง เทรนด์ความต้องการที่พักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมในประเทศไทยเติบโตขึ้นปีต่อปีถึง10% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ทางเอ็กซ์พิเดียกรุ๊ปได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากแบรนด์การท่องเที่ยวที่หลากหลายซึ่งอยู่บนแพล็ตฟอร์มของทางบริษัทพบว่านักเดินทางจากสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับไทย มีความต้องการที่พักเติบโตขึ้นประมาณ20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่จีนคือตลาดที่ใหญ่รองลงมา แซงญี่ปุ่น ฮ่องกงและเกาหลีใต้ เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ผ่านมา นอกจากจีนแล้ว อินเดียยังไต่อันดับขึ้นมา 3 อันดับ มาอยู่อันดับที่ 10 ของนักเดินทางต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทยมากที่สุด รวมทั้งยังมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ นักเดินทางจากจีน และอินเดีย มีแนวโน้มการจองที่พักระดับพรีเมียมที่มากขึ้น โดย 60% ของการจองที่พักโดยนักเดินทางชาวจีน และ 55% ของการจองโดยนักเดินทางชาวอินเดียเป็นการจองที่พักระดับ 4 ดาว และ 5 ดาว ซึ่งเทรนด์การจองนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของรัฐบาลไทยที่มุ่งเน้นดึงนักท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยมจากจีนและอินเดียให้มากขึ้น ด้านเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย เลือกไปพักผ่อนมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นมีสถานที่ดังต่อไปนี้ มีการขยายการเติบโต ได้รับความนิยมด้านการจองที่พักจากนักเดินทางมากถึง 3 หลัก เมื่อเปรียบเทียบอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้ง หัวหิน 110% เกาะพีพี 100% และเกาะหลีเป๊ะ100% ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดระบุว่าประมาณ 80% ของนักเดินทางจากต่างชาติ โดยไม่ได้อ้างอิงถึงอายุ เชื่อว่าการจองที่พักให้เสร็จสมบูรณ์ในที่เดียวนั้นถือว่าเป็นประโยชน์มาก โดยข้อมูลจากเอ็กซ์พิเดีย กรุ๊ปยืนยันว่าความต้องการประสบการณ์การจองแบบครบวงจรในที่เดียวที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้การจองแพ็คเกจระดับนานาชาติเพิ่มขึ้นปีต่อปีถึง 504% สำหรับ แพ็คเกจของเอ็กซ์พิเดีย กรุ๊ป หรือจะเรียกอีกแบบ คือ การจอง ซึ่งรวมห้องพักโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน หรือ รถเช่านั้นต่างส่งผลดีให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมและผู้บริโภคด้วยเช่นกัน เนื่องจากการจองทุกอย่างได้ครบตามความต้องการในที่เดียวช่วยทำให้นักเดินทางประหยัดทั้งเงิน และเวลา ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็สามารถสร้างฐานลูกค้าได้โดยไม่กระทบต่ออัตราราคาห้องพัก นอกจากนี้ข้อมูลยังเผยว่า กลุ่มนักเดินทางชาวจีน คือตัวขับเคลื่อนความต้องการด้านแพ็คเกจในประเทศไทย โดย 1 ใน 3 ของแพ็คเกจที่จองโดยนักเดินทางต่างชาติมาจากชาวจีน ซึ่งยังเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในด้านความต้องการแพ็คเกจ ซึ่งพุ่งสูงถึง 200% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อินเดียเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยความต้องการแพ็คเกจเติบโตขึ้นปีต่อปีถึง160% นอกจากนี้ไอร์แลนด์ เกาหลีใต้และอินโดนีเซียต่างก็มีความต้องการแพ็คเกจที่สูงขึ้นปีต่อปีถึง 130% 120% และ 100% ตามลำดับ โดย นางสาวพิมพ์ปวีณ์ กล่าวว่า ทางเอ็กซ์พิเดีย กรุ๊ป อยากให้ผู้ประกอบการด้านที่พักที่ต้องการสร้างฐานลูกค้าต่างชาติให้แข็งแกร่ง พิจารณา ทางเลือกจาก เอ็กซ์พิเดีย กรุ๊ป ที่นำเสนอแพ็คเกจไม่เหมือนใคร เช่น พฤติกรรมของนักเดินทางที่จองแพ็คเกจมายังประเทศไทย มักจะเข้าพักนานกว่าที่จองประมาณครึ่งวัน ใช้จ่ายค่าที่พักมากกว่า 10% และมีแนวโน้มยกเลิกการจองที่น้อยกว่า 50% เมื่อเทียบกับนักเดินทางที่จองดีลห้องพักเพียงอย่างเดียว อีกทั้งเมื่อเจาะลึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาดนานาชาติที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งมีการเติบโตที่น่าประทับใจ ได้ระบุว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ และอิสราเอล คือ ตลาดใหม่ระดับไฮเอนด์ที่ผู้ประกอบการด้านที่พักควรลงทุน นักเดินทางจากตลาดดังกล่าวใช้จ่ายค่าที่พักถึง15% ที่สูงกว่า และเข้าพักนานกว่าประมาณ 1 วัน เมื่อเทียบกับนักเดินทางต่างชาติทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น 70% ของการจองโดยนักเดินทางจากประเทศเหล่านี้เป็นการจองที่พักระดับ 4 ดาว และ 5 ดาว และยังมียอดใช้จ่ายค่าที่พักรายวันมากกว่านักเดินทางต่างชาติอื่น ๆ ประมาณ 50% โดยนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ และอิสราเอล นิยมมาพักที่กรุงเทพฯ เพื่อสัมผัสบรรยากาศและเสน่ห์ของเมืองหลวง หรือแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอย่างภูเก็ต พัทยา เกาะสมุย และเกาะพะงัน เป็นต้น ดังนั้นพันธมิตรด้านผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่ต้องการเจาะตลาดนักเดินทางระดับไฮเอนด์ ควรตระหนักเรื่องช่วงเวลาหรือฤดูที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากข้อมูลในรายงานได้ระบุว่า นักเดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ชอบเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเดือน มิถุนายน ถึง กันยายน และ เดือนธันวาคม ถึง มกราคม ในขณะที่นักเดินทางจากอิสราเอลและแอฟริกาใต้มักจะเดินทางท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์