"ธนาธร" ขอบคุณแฟนคลับเดินเคียงข้างตลอด 1 ปี ขอโทษหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจไม่ได้ ชี้ ปัญหาใหญ่อำนาจเป็นของใคร ลั่นหากไม่แก้ ประเทศเดินหน้าไม่ได้ ลั่น เตรียมเขย่าการเมืองท้องถิ่น เล็งส่งชิง 20 จว. ชูนโยบาย เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 8 มิ.ย. ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งในงาน ฉลองครบรอบ 1 ปี การก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้หัวข้อ “1 ปี อนาคตใหม่ เดินไปด้วยกัน walk with me talk with me ” ว่า 1 ปีผ่านไปเร็วมาก มีหลายเหตุการณ์ทำให้ยิ้ม เป็นกำลังใจให้เราเข้มแข็ม ขอบคุณคนที่เดินเคียงข้างกันมา นายธนาธร กล่าวว่า เราเคยพูดเรื่องการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เราพูดครั้งแรกไม่มีใครเชื่อ แต่ผ่านมา 1 ปี ทุกคนทราบว่าการพยายามสืบทอดอำนาจของคสช.มีอยู่จริง เป็นความพยายามที่เห็นชัดเจน ทั้งรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาเอง การแต่งตั้งกรรมการในองค์กรอิสระต่างๆ อย่างกกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งในหลายๆ หน่วย การใช้สูตรคำนวนส.ส.อย่างพิษดาร ทำให้เสียงประชาชนบิดเบือนไป ที่เดิม ฝ่ายค้านคสช.ต้องมี 254 เสียง แต่เหลือแค่ 246 เสียงโดนขโมยไป 8 เสียง ซึ่งสำคัญมาก เพราะทำให้เรามีน้อยกว่า 250 เสียง และยังเห็นกลไกส.ว.แต่งตั้งที่มาบิดเบือนคะแนนของส.ส. นายธนาธร กล่าวว่า ขอดักคอก่อนเลยว่า ชนชั้นอภิสิทธิ์ชนจะอ้างว่า ต่อให้ตัดเสียงส.ว.ออกไป เสียงส.ส.สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ยังมากกว่า แต่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องเท่าทัน ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ว่า ต่อให้ตัดเสียงส.ว. เสียงส.ส.สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ยังมากกว่าจริง แต่การที่มี 250 ส.ว.ตุนไว้ มันบิดเบือนการตัดสินใจตั้งรัฐบาล ของพรรคการเมือง ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บอกก่อนเลือกนากยฯ 1 วันว่า ต้องมองโลกด้วยความเป็นจริง การไปอยู่กับฝั่งต้านควช.อย่างไรก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล ทั้งที่ฝ่ายเรารวมเสียงส.ส.ไว้ 246 เสียงแล้ว ก็เพราะเขารู้ว่าอีกฝั่งมีส.ว.250 เสียงแล้ว จึงเป็นการบิดเบือนการตัดสินใจของพรรคการเมืองให้ร่วมพปชร. การใส่แจ๊กเก็ตประชาธิปไตยของคสช. จึงต้องบอกว่าไม่ใช่ 70 วันหลังการเลือกตั้งเราเห็นว่าความพยายามสืบทอดอำนาจมีอยู่จริง ที่น่ากลัวคือ 249 ส.ว. ที่โหวตทิศทางเดียวกัน ไม่แตกแถวนั้น แสดงให้เห็นถึงความกลัว ความไม่แน่ใจ ความหวาดกลัวประชาชน จึงต้องตั้ง 250 ส.ว. สังคมแบบนี้น่ากลัวมากเพราะผู้มีอำนาจไม่ยอมให้ประชาชนมีอำนาจมาก และถ้าเขาไม่ถอยก็นึกไม่ออกจะเปลี่ยนสังคมให้เป็นประชาธิปไตยอย่างไร การครบรอบหนึ่งปีแทนที่จะได้ฉลองชัยชนะ นายธนาธร กล่าวว่า ขอโทษที่พรรคอนาคตใหม่ไม่สามารถหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช.ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนและแกนนำพรรคทั้งหมด ไม่มีใครสูญเสียกำลังใจหรือท้อถอยในวันนี้ เราจะเดินหน้าเพื่อแก้ปัญที่สำคัญในสังคมไทย หลังจากเลือกตั้งปัญหาที่สำคัญที่สุดในสังคมถูกแสดงให้เห็นชัดเจนว่าตกลงในประเทศนี้อำนาจเป็นของใคร ซึ่งหากยังตัดสิน และหาข้อสรุปเรื่องนี้ไม่ได้ สังคมไทยไม่มีทางเดินหน้าได้ นี่เป็นคือปัญหาตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมาเห็นชัดว่าปัญหานี้ยังไม่มีวี่แววที่จะได้รับการแก้ไข นายธนาธร กล่าวว่า จากนี้พรรคอนาคตใหม่จะแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วน คือ 1. การทำงานในสภา เสียดายที่ตนไม่สามารถมีบทบาทในสภาได้ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งวินิจฉัยเป็นอื่น แต่ทุกคนจะทำหน้าที่ให้เต็มที่ ตนกำชับให้ทุกคนเข้าไปรับฟังปัญหากับประชาชนทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการเกษตร การศึกษา น้ำท่วม เราจะนำข้อเสนอ นโยบายมาปรับแก้กฎหมาย และใช้กลไกส.ส.ของเราผลักดันให้เข้าสภาให้ได้ 2. สร้างพรรคการเมืองที่แข็งแกร่งกว่านี้ 1 ปีที่ผ่านมาพรรคห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ ผิดพลาดจากการปฏิบัติการหมายครั้ง ตนและกรรมการบริหาร จะสรุปบทเรียนเอาสิ่งต่างๆ ที่เคยตัดสินใจพลาดมาประมวลผล แล้วเอาประสบการณ์มาสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งกว่านี้ ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าทำงานในสภา จะออกไปขยายแนวร่วมด้านต่างๆ ขยายความคิดอุดมการณ์ของพรรคให้คนหมู่มากกว่านี้ และขยายฐานที่มาเงินทุนของพรรค เพื่ออนาคตเราจะเป็นอิระในการตัดสินใจ นายธนาธร ล่าวว่า และ3.ช่วงปลายไตรมาสที่ 3 อาจจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ผ่านมาพรรคการเมืองต่างๆ มักไม่ส่งทีมลงเลือกตั้งท้องถิ่นในชื่อพรรคตัวเอง ซึ่งพรรคอนาคตใหม่เชื่อว่าการเมืองท้องถิ่นสำคัญมาก และพรรคจะส่งผู้สมัครในการเลือกตั้งท้องถิ่น ตนยอมรับว่าพวกเรายังไม่เข้มแข็งพอ จะส่งผู้สมัครลงท้องถิ่นได้ทั้ง 77 จังหวัด ดังนั้นครั้งนี้เราอาจจะส่ง 15-20 จังหวัด ซึ่งที่ผ่านมาอำนาจจะเข้าไปอยู่ในส่วนกลางหมด แต่พวกเราต้องการให้มีการกระจายอำนาจไปในแต่ละจังหวัด อย่างไรก็ตามเราจะเขย่าการเมืองท้องถิ่น หมดยุคพ่อเป็นส.ส. ลูกเป็นอบจ. เราจะแข่งขันการเลือกตั้งท้องถิ่นด้วยนโยบายเหมือนที่ทำระดับชาติ ซึ่งเราไม่หวง หากพรรคอื่นอยากทำตามเรา เพราะระดับคุณภาพประชาธิปไตยจะได้สูงขึ้น นายธนาธร กล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป้าหมายใหญ่และอุดมการณ์ของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ยังเหมือนเดิม คือการบริหารการเปลี่ยนแปลงประเทศให้น่าอยู่มากขึ้น เปลี่ยนแปลงระบบทุนผูกขาด บทบาทกองทัพที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และระบบรัฐราชการที่รวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ